เมื่อ “รูป” ของคุณถูกนำไปใช้ในทางเสียหาย เอารูปไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ฟ้องได้ไหม?

ทุกวันนี้ “รูป” ไม่ได้เป็นแค่ภาพถ่ายธรรมดา แต่กลายเป็นทรัพย์สินทางดิจิทัลที่มีมูลค่าทั้งในเชิงส่วนตัวและธุรกิจ หลายคนอาจถ่ายรูปตนเองลงโซเชียลเพื่อแชร์ชีวิตประจำวัน หรือถ่ายรูปสินค้าเพื่อใช้ในงานรีวิว แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยคือ ถูกนำรูปไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเฉพาะในกรณีที่รูปถูกนำไปใช้ในทางเสียหาย เช่น

  • เอารูปไปใช้โปรโมตเว็บพนันออนไลน์
  • ใช้รูปไปโฆษณาสินค้าโดยไม่ขออนุญาต
  • หรือแม้แต่เอารูปไปตัดต่อให้เกิดความเข้าใจผิดในทางเสียชื่อเสียง

สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะเป็น การละเมิดสิทธิในภาพบุคคล (Right of Publicity / Right of Image) และอาจเข้าข่ายความผิดทางอาญาได้ด้วย

สิทธิใน “รูป” ของเรา คือสิทธิส่วนบุคคล

ตามกฎหมายไทย “รูป” ที่ปรากฏใบหน้าหรือรูปลักษณ์ของบุคคล ถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลและเป็นส่วนหนึ่งของสิทธิในความเป็นส่วนตัว (Right to Privacy)
ใครจะนำไปเผยแพร่ ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของรูปก่อน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ในเชิงพาณิชย์ เช่น โฆษณาสินค้า หรือการใช้ในเชิงสาธารณะ เช่น โพสต์ลงเว็บไซต์ หรือเพจต่าง ๆ

ในกรณีที่ผู้อื่นเอารูปของเราไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต และยังใช้ในทางที่ก่อให้เกิดความเสียหาย เช่น ถูกนำไปใช้ในเว็บพนัน หรือใช้ประกอบโพสต์ที่ส่อไปในทางไม่ดี จนทำให้คนอื่นเข้าใจผิดหรือมองเราในแง่ลบ
เจ้าของรูปมีสิทธิ์ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้ทั้งทางแพ่งและอาญา

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการนำรูปไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

1. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
ระบุว่า

“ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อผู้อื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหาย ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน”

หมายความว่า หากมีผู้ใดนำรูปของคุณไปใช้จนทำให้คุณเสียชื่อเสียง เสียโอกาสทางอาชีพ หรือได้รับผลกระทบทางจิตใจ เช่น ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นพนักงานเว็บพนัน หรือถูกคนใกล้ชิดต่อว่าเพราะรูปปรากฏในที่ไม่เหมาะสม
คุณสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้ในฐานะ “ละเมิดสิทธิ”

2. พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA)
รูปถ่ายที่สามารถระบุตัวตนได้ ถือเป็น “ข้อมูลส่วนบุคคล” การนำไปใช้โดยไม่ได้รับความยินยอมจึงเป็นการละเมิด PDPA ซึ่งมีโทษทั้งทางแพ่ง ทางปกครอง และในบางกรณีอาจถึงขั้นทางอาญา

3. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 (หมิ่นประมาท)
หากรูปของคุณถูกนำไปใช้ในลักษณะที่ทำให้ผู้อื่นดูหมิ่น เกลียดชัง หรือเสียชื่อเสียง เช่น การเอารูปไปตัดต่อให้ดูไม่เหมาะสม หรือโยงกับเนื้อหาอนาจาร เว็บไซต์พนัน หรือโพสต์ที่ส่อผิดศีลธรรม ผู้กระทำอาจถูกดำเนินคดีฐาน “หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา” ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

4. พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ มาตรา 14
หากมีการนำรูปของคุณไปโพสต์ลงในระบบคอมพิวเตอร์ โดยรู้นำเข้า “ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ” หรือข้อมูลที่ “อาจทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือเกลียดชัง”ผู้กระทำอาจต้องโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้ารู้ภายหลังว่ารูปถูกนำไปใช้ จะต้องทำอย่างไร?

1. เก็บหลักฐานทันที
ถ่ายภาพหน้าจอ (Screenshot) เว็บไซต์ โพสต์ หรือโฆษณาที่นำรูปของคุณไปใช้ให้ครบ ทั้งวันที่ เวลา ลิงก์ และบริบทของการใช้รูป เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในชั้นสอบสวนหรือศาล

2. แจ้งลบรูปหรือเนื้อหา
ติดต่อเจ้าของเว็บไซต์ หรือแพลตฟอร์มโซเชียล (เช่น Facebook, Instagram, TikTok, หรือ Google) เพื่อขอลบเนื้อหาที่ละเมิดสิทธิ์ของคุณ โดยแนบหลักฐานยืนยันความเป็นเจ้าของรูป เช่น ไฟล์ต้นฉบับ หรือหลักฐานการโพสต์รูปเดิม

3. แจ้งความดำเนินคดี
สามารถเข้าแจ้งความกับสถานีตำรวจในท้องที่ หรือที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) โดยแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือข้อหาหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา

4. ปรึกษาทนายความเพื่อดำเนินคดีแพ่ง
หากการกระทำดังกล่าวส่งผลให้คุณเสียชื่อเสียง สูญเสียรายได้ หรือได้รับผลกระทบทางจิตใจ คุณมีสิทธิ์ฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งได้ โดยทนายความสามารถประเมินมูลค่าความเสียหายและยื่นฟ้องในศาลให้ถูกต้องตามขั้นตอน

อย่าคิดว่า “รูปแค่รูปเดียว” ไม่มีค่า

ในยุคดิจิทัล “รูป” คือทรัพย์สินที่สะท้อนตัวตน ความน่าเชื่อถือ และภาพลักษณ์ทางสังคมของแต่ละคน การที่มีคนเอารูปของคุณไปใช้ในทางเสียหาย โดยเฉพาะในเว็บผิดกฎหมายหรือโพสต์เชิงโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากจะทำให้คุณเสียชื่อเสียงแล้ว ยังอาจทำให้ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำผิดกฎหมาย

ดังนั้น หากพบว่ารูปของคุณถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต อย่าปล่อยผ่านหรือพยายามจัดการเองโดยไม่เข้าใจกฎหมาย เพราะอาจเสียสิทธิ์ในการดำเนินคดี หรือทำให้หลักฐานสูญหายได้

ปรึกษาทนายวันนี้ เพื่อปกป้อง “รูป” และสิทธิของคุณ

หากคุณเพิ่งทราบภายหลังว่ารูปของคุณถูกนำไปใช้ในเว็บพนัน โฆษณาสินค้า หรือถูกตัดต่อในทางเสียหาย อย่าเพิ่งรีบหาทางแก้เอง เพราะแต่ละกรณีมีรายละเอียดทางกฎหมายที่แตกต่างกัน ทั้งในด้านอาญา แพ่ง และคดีละเมิด

การปรึกษาทนายตั้งแต่ต้น จะสามารถให้คุณ

  • รู้แน่ชัดว่าคดีของคุณเข้ากฎหมายมาตราใด
  • เตรียมหลักฐานให้ถูกต้อง
  • และสามารถดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้อย่างถูกต้องตามขั้นตอน

สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์
เรามีทีมทนายความผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเทคโนโลยีและคดีละเมิด พร้อมให้คำปรึกษาและดำเนินคดีเกี่ยวกับการนำ “รูป” ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อให้คุณได้รับความเป็นธรรม และปกป้องชื่อเสียงของคุณอย่างเต็มที่

อย่าปล่อยให้ “รูป” ของคุณกลายเป็นเครื่องมือทำร้ายตัวเอง ให้เราดำเนินการ “ปกป้องสิทธิ์ในรูปของคุณ” อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

อินฟลูเอนเซอร์โดนละเมิดสิทธิ! เอารูปเซ็กซี่ไปใช้โฆษณาโดยไม่ขออนุญาต ฟ้องได้ไหม?

ในยุคที่ “อินฟลูเอนเซอร์” กลายเป็นอาชีพที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในสังคมออนไลน์ ภาพลักษณ์และตัวตนของอินฟลูเอนเซอร์คือทรัพย์สินสำคัญที่ช่วยสร้างรายได้และชื่อเสียง อย่างไรก็ตาม เมื่อสื่อออนไลน์แพร่หลายมากขึ้น ก็มีผู้ไม่หวังดีจำนวนมากนำ “ภาพ” โดยเฉพาะภาพที่มีลักษณะเซ็กซี่หรือแต่งกายโป๊ของอินฟลูเอนเซอร์ไปใช้ประโยชน์ทางการค้า เช่น โฆษณาสินค้า ยา อาหารเสริม หรือบริการต่าง ๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของภาพ

เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก หากคุณเป็นอินฟลูเอนเซอร์หรือบุคคลทั่วไปที่ถูกนำภาพไปใช้โดยไม่ได้รับความยินยอม คุณมีสิทธิ์ตามกฎหมายที่จะดำเนินการเอาผิดกับผู้กระทำได้อย่างเต็มที่ และควรรีบปรึกษาทนายความเพื่อดำเนินคดีโดยเร็ว

การนำภาพโป๊หรือเซ็กซี่ไปใช้โดยพลการ = ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล + หมิ่นประมาท

การนำภาพของบุคคลไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเฉพาะภาพที่อาจทำให้เจ้าของภาพได้รับความเสียหายทางชื่อเสียง เช่น ภาพแต่งตัวเซ็กซี่ ภาพชุดว่ายน้ำ ภาพในเชิงวาบหวิว แล้วนำไปใช้โฆษณาสินค้าโดยไม่มีบริบท หรือใช้ร่วมกับข้อความชวนเข้าใจผิด ล้วนเข้าข่ายความผิดหลายประการตามกฎหมายไทย ได้แก่:

  • ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
  • หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา หากข้อความหรือภาพที่ใช้ทำให้บุคคลนั้นเสียหาย ถูกดูหมิ่น หรือเกลียดชัง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328
  • ความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) หากนำภาพบุคคลไปใช้เพื่อผลประโยชน์โดยไม่ได้รับความยินยอม
  • ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 กรณีเผยแพร่ภาพหรือข้อมูลที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อเจ้าของข้อมูล

อินฟลูเอนเซอร์ = บุคคลสาธารณะ ที่ต้องได้รับการคุ้มครองเช่นเดียวกัน 

แม้อินฟลูเอนเซอร์จะมีสถานะเป็น “บุคคลสาธารณะ” ในทางการตลาดหรือสื่อ แต่ไม่ได้แปลว่าใครจะสามารถใช้ภาพหรือนำชื่อเสียงของอินฟลูเอนเซอร์ไปใช้หาประโยชน์ทางการค้าโดยอิสระ เพราะอินฟลูเอนเซอร์ทุกคนมี สิทธิในภาพลักษณ์ (Image Right) และ สิทธิในข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Right) เช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป

ยิ่งหากภาพนั้นเป็นภาพที่ถ่ายขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ เช่น ถ่ายเพื่อโปรโมตงานศิลปะ แฟชั่น หรืองานส่วนตัว แล้วถูกนำไปตัดต่อ โฆษณาสินค้าเกี่ยวกับเรื่องเพศ ยาเสริม อาหารเสริม หรือสิ่งที่อาจบั่นทอนชื่อเสียง ยิ่งถือเป็นการละเมิดร้ายแรง

ตัวอย่างเหตุการณ์ที่พบบ่อย

  • อินฟลูเอนเซอร์สายแฟชั่นโพสต์ภาพชุดบิกินีริมทะเล ถูกนำไปตัดต่อและใส่ข้อความชวนเข้าใจผิดเพื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก
  • ภาพถ่ายจากไอจีของเน็ตไอดอลถูกดึงไปใช้ในเพจขายครีมโดยไม่แจ้งให้ทราบ
  • รูปนางแบบที่แต่งเซ็กซี่ในบริบทแฟชั่น ถูกนำไปแปะบนโฆษณาสำหรับเว็บพนันหรือบริการไม่เหมาะสม

กรณีเหล่านี้แม้ไม่ได้มีคำด่าหรือกล่าวหาโดยตรง แต่ก็สามารถทำให้เจ้าของภาพได้รับความเสียหายทั้งด้านชื่อเสียงและโอกาสทางอาชีพ และมีสิทธิ์เรียกร้อง ค่าเสียหายทางแพ่ง หรือ ฟ้องร้องทางอาญา ได้

อินฟลูเอนเซอร์ควรทำอย่างไรเมื่อถูกละเมิดสิทธิ?

1.รวบรวมหลักฐานทันที เช่น สกรีนช็อตโพสต์ที่ละเมิด ข้อมูลของผู้โพสต์ ต้นฉบับของภาพที่ถูกนำไปใช้

2.อย่าโต้ตอบด้วยอารมณ์ เพราะอาจทำให้เรื่องบานปลาย หรือคุณกลายเป็นผู้กระทำผิดเอง

3.ปรึกษาทนายความ เพื่อประเมินความเสียหาย รวบรวมหลักฐาน และดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา

4.แจ้งความหรือยื่นฟ้องในศาล ทนายความสามารถดำเนินการแทนได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว

5.แจ้งลบเนื้อหาหรือร้องเรียนไปยังแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้อง เช่น Facebook, Instagram, TikTok หรือเว็บไซต์นั้น ๆ

ทำไมต้องปรึกษาทนายความโดยเฉพาะ?

การดำเนินคดีละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและหมิ่นประมาทบนโลกออนไลน์มีรายละเอียดทางกฎหมายที่ซับซ้อน ตั้งแต่การอ้างสิทธิในภาพ การระบุเจตนาของผู้ละเมิด ไปจนถึงการเรียกร้องค่าเสียหายอย่างเป็นธรรม ทนายความผู้เชี่ยวชาญจะช่วยคุณ:

  • วิเคราะห์คดีอย่างถูกต้อง
  • เก็บพยานหลักฐานให้ครบถ้วน
  • ดำเนินการฟ้องคดีได้อย่างมืออาชีพ
  • ปกป้องชื่อเสียงและสิทธิของคุณในระยะยาว

“อินฟลูเอนเซอร์” ไม่ควรนิ่งเฉยเมื่อถูกละเมิดสิทธิ ไม่ว่าจะเป็นการเอาภาพไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือถูกตัดต่อให้เสียหาย เพราะชื่อเสียงและภาพลักษณ์คือสินทรัพย์ที่มีมูลค่า หากถูกกระทำให้เสียหาย ต้องรีบดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด

หากคุณกำลังเผชิญเหตุการณ์เช่นนี้ อย่ารอช้า ปรึกษา ทนายอาร์ม จาก สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ ทันที — เพราะภาพของคุณคือสิทธิของคุณ และเราอยู่ตรงนี้เพื่อปกป้องมันให้ดีที่สุด