เรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด ทนายอาร์มกับก้าวใหม่แห่งความรู้ “การส่งมอบมรดก การวางแผนภาษีมรดก” รุ่นที่ 12

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ทนายอาร์ม ศุภสิทธิ์ ศิริ ได้เข้าร่วมอบรมในหัวข้อ “การส่งมอบมรดก การวางแผนภาษีมรดก ” รุ่นที่ 12 ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น โดยการอบรมครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้การดำเนินการของอาจารย์พละชัย ฟูเกียรติพงษ์ (ครูต๊ะ) ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนธุรกิจและภาษีอากร และประธานบริหารกลุ่มบริษัทในเครือยักษ์สุข

ในโอกาสพิเศษนี้ ทนายอาร์มได้มอบผ้ายันต์หลวงพ่อเงินพร้อมกรอบให้กับอาจารย์พละชัย เพื่อเป็นที่ระลึกและแสดงความเคารพ บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง สะท้อนถึงสายสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้เข้าร่วมอบรมและวิทยากร

นอกจากจะได้รับความรู้ด้านการวางแผนมรดกและภาษีอากร ทนายอาร์มยังได้พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนักธุรกิจหลากหลายวงการ ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีในการขยายเครือข่ายความสัมพันธ์ทางธุรกิจ และอาจนำไปสู่ความร่วมมือในอนาคต

การเข้าร่วมอบรมครั้งนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มพูนองค์ความรู้และประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับทนายอาร์มเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือให้กับสำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ในวงกว้าง เป็นเครื่องยืนยันว่า การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด และการเปิดใจรับโอกาสใหม่ ๆ อยู่เสมอ คือกุญแจสำคัญของความก้าวหน้าในวิชาชีพ

พ่อแม่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน พ่อตาย…แม่มีสิทธิ์ในมรดกหรือไม่? 

เมื่อเกิดการสูญเสียขึ้นในครอบครัว หนึ่งในคำถามที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งคือเรื่อง “มรดก” โดยเฉพาะในกรณีที่ความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่ได้เป็นไปตามแบบแผนที่กฎหมายรับรอง เช่น พ่อแม่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน แล้วเมื่อพ่อเสียชีวิต แม่จะมีสิทธิ์ในมรดกหรือไม่? เรื่องนี้มีความสำคัญ เพราะเกี่ยวพันกับสิทธิของบุคคลและการแบ่งทรัพย์สินโดยตรง

สถานะของสามีภรรยาตามกฎหมาย

ก่อนจะไปถึงเรื่องมรดก ต้องเริ่มที่ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับสถานะของสามีภรรยาในทางกฎหมายก่อน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของไทย การที่ชายหญิงอยู่กินกันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน “ไม่ถือว่าเป็นสามีภรรยาตามกฎหมาย” แม้จะใช้ชีวิตร่วมกันมานาน มีลูกด้วยกัน หรือแม้จะเรียกกันว่าสามีภรรยาต่อหน้าสังคม ก็ไม่มีผลทางกฎหมายต่อเรื่องทรัพย์สินและมรดก

กล่าวคือ ฝ่ายหญิงในกรณีนี้ ไม่มีสถานะเป็น “ภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมาย” ดังนั้นเมื่อฝ่ายชายเสียชีวิต เธอจะไม่ถือว่าเป็น “ทายาทโดยธรรม” ของฝ่ายชาย

ทายาทโดยธรรมตามกฎหมายไทย

ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629 ระบุลำดับทายาทโดยธรรมไว้ 6 ลำดับ ได้แก่:

  1. ผู้สืบสันดาน (เช่น บุตร หลาน เหลน)
  2. บิดามารดา
  3. พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน
  4. พี่น้องร่วมบิดาหรือมารดาเดียวกัน
  5. ปู่ ย่า ตา ยาย
  6. ลุง ป้า น้า อา

และถ้ามี คู่สมรสที่จดทะเบียนอย่างถูกต้อง คู่สมรสก็จะมีสิทธิ์รับมรดกร่วมกับทายาทเหล่านี้ด้วย

ดังนั้น หากชายหญิงอยู่กินกันโดยไม่จดทะเบียน และฝ่ายชายเสียชีวิต ฝ่ายหญิงจะ ไม่มีสิทธิ์ได้รับมรดกตามกฎหมาย เว้นแต่…เว้นแต่จะมีพินัยกรรม

หากฝ่ายชายได้ทำพินัยกรรมไว้ และระบุชัดเจนว่าต้องการยกทรัพย์สินบางส่วนหรือทั้งหมดให้แก่ฝ่ายหญิง ถึงแม้จะไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน พินัยกรรมก็สามารถมีผลบังคับใช้ได้ตามเจตนารมณ์ผู้ตาย

กรณีเช่นนี้ ฝ่ายหญิงจะได้รับมรดกในฐานะ “ผู้รับพินัยกรรม” ไม่ใช่ในฐานะ “ทายาทโดยธรรม”

สิทธิของลูกที่เกิดจากพ่อแม่ที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส

ในด้านของลูก แม้พ่อแม่จะไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ลูกก็ยังมีสิทธิ์เป็นทายาทโดยธรรมของพ่อได้ หากมีการรับรองบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น:

  • พ่อได้จดชื่อเป็นบิดาในสูติบัตรของลูก
  • พ่อได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอรับรองบุตร
  • มีหลักฐานหรือคำพิพากษาศาลยืนยันความเป็นบิดา

ในกรณีนี้ ลูกจะมีสิทธิ์ได้รับมรดกแทนแม่ ซึ่งไม่ได้มีสถานะทางกฎหมาย

กรณีไม่มีลูก และไม่มีพินัยกรรม

หากฝ่ายชายเสียชีวิตโดยไม่มีลูก และไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ ทรัพย์สินจะตกแก่ทายาทลำดับถัดไป เช่น บิดามารดาของผู้ตาย หรือพี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกันตามลำดับ

ซึ่งจะเห็นได้ว่า ผู้หญิงที่อยู่กินกับชายแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ไม่มีสิทธิ์ใด ๆ เว้นเสียแต่ว่าจะสามารถพิสูจน์สิทธิ์ในทรัพย์สินบางอย่างได้ เช่น ทรัพย์สินที่ตนมีส่วนร่วมในการหามา หรือทรัพย์สินที่ได้ร่วมกันซื้อ

กรณีมีทรัพย์สินที่ซื้อร่วมกัน

ในทางปฏิบัติ หากฝ่ายหญิงมีหลักฐานว่าเธอมีส่วนร่วมในการซื้อทรัพย์สินบางอย่าง เช่น บ้าน รถ หรือธุรกิจ และแม้ทรัพย์นั้นจะอยู่ในชื่อของฝ่ายชาย เธออาจสามารถฟ้องร้องเรียกแบ่งทรัพย์สินได้ในฐานะ “เจ้าของร่วม” ไม่ใช่ในฐานะทายาท

จากเหตุการณ์เช่นนี้ ทนายความจะมีบทบาทสำคัญในการรวบรวมหลักฐาน และฟ้องเรียกสิทธิในทรัพย์สินร่วม ซึ่งอาจเป็นช่องทางเดียวที่ทำให้ฝ่ายหญิงได้รับผลประโยชน์บางส่วนจากทรัพย์ของผู้เสียชีวิต

ในกรณีลักษณะนี้ การปรึกษาทนายความมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะเมื่อมีข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในทรัพย์สิน หรือมีหลายฝ่ายอ้างสิทธิ์ในมรดก ทนายความจะช่วยให้เข้าใจกระบวนการทางกฎหมาย เตรียมหลักฐาน และดำเนินการฟ้องร้องหรือไกล่เกลี่ยอย่างเป็นระบบ

นอกจากนี้ ทนายยังสามารถให้คำปรึกษาในการจัดทำพินัยกรรม เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ด้วย

สรุป: อยู่ด้วยกันไม่เท่ากับมีสิทธิ์

แม้จะใช้ชีวิตร่วมกันมานาน มีลูก มีความผูกพัน แต่หากไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ก็ไม่มีผลทางกฎหมายในเรื่องมรดก ฝ่ายหญิงจะไม่มีสิทธิ์ในฐานะทายาท เว้นแต่จะมีพินัยกรรมหรือสามารถพิสูจน์ความเป็นเจ้าของร่วมในทรัพย์สิน

เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้ การวางแผนทางกฎหมาย เช่น การทำพินัยกรรม หรือการรับรองบุตรจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม และหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสิทธิของตนเอง ควรรีบปรึกษาทนายความที่มีประสบการณ์ เพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนในทางที่ถูกต้อง

 เขียนโดย กรรณิการ์ เจริญวีระวงศ์ (นักศึกษาฝึกประสบการณ์ สาขาภาษาจีน)