เมื่อเกิดการสูญเสียขึ้นในครอบครัว หนึ่งในคำถามที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งคือเรื่อง “มรดก” โดยเฉพาะในกรณีที่ความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่ได้เป็นไปตามแบบแผนที่กฎหมายรับรอง เช่น พ่อแม่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน แล้วเมื่อพ่อเสียชีวิต แม่จะมีสิทธิ์ในมรดกหรือไม่? เรื่องนี้มีความสำคัญ เพราะเกี่ยวพันกับสิทธิของบุคคลและการแบ่งทรัพย์สินโดยตรง
สถานะของสามีภรรยาตามกฎหมาย
ก่อนจะไปถึงเรื่องมรดก ต้องเริ่มที่ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับสถานะของสามีภรรยาในทางกฎหมายก่อน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของไทย การที่ชายหญิงอยู่กินกันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน “ไม่ถือว่าเป็นสามีภรรยาตามกฎหมาย” แม้จะใช้ชีวิตร่วมกันมานาน มีลูกด้วยกัน หรือแม้จะเรียกกันว่าสามีภรรยาต่อหน้าสังคม ก็ไม่มีผลทางกฎหมายต่อเรื่องทรัพย์สินและมรดก
กล่าวคือ ฝ่ายหญิงในกรณีนี้ ไม่มีสถานะเป็น “ภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมาย” ดังนั้นเมื่อฝ่ายชายเสียชีวิต เธอจะไม่ถือว่าเป็น “ทายาทโดยธรรม” ของฝ่ายชาย
ทายาทโดยธรรมตามกฎหมายไทย

ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629 ระบุลำดับทายาทโดยธรรมไว้ 6 ลำดับ ได้แก่:
- ผู้สืบสันดาน (เช่น บุตร หลาน เหลน)
- บิดามารดา
- พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน
- พี่น้องร่วมบิดาหรือมารดาเดียวกัน
- ปู่ ย่า ตา ยาย
- ลุง ป้า น้า อา
และถ้ามี คู่สมรสที่จดทะเบียนอย่างถูกต้อง คู่สมรสก็จะมีสิทธิ์รับมรดกร่วมกับทายาทเหล่านี้ด้วย
ดังนั้น หากชายหญิงอยู่กินกันโดยไม่จดทะเบียน และฝ่ายชายเสียชีวิต ฝ่ายหญิงจะ ไม่มีสิทธิ์ได้รับมรดกตามกฎหมาย เว้นแต่…เว้นแต่จะมีพินัยกรรม
หากฝ่ายชายได้ทำพินัยกรรมไว้ และระบุชัดเจนว่าต้องการยกทรัพย์สินบางส่วนหรือทั้งหมดให้แก่ฝ่ายหญิง ถึงแม้จะไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน พินัยกรรมก็สามารถมีผลบังคับใช้ได้ตามเจตนารมณ์ผู้ตาย
กรณีเช่นนี้ ฝ่ายหญิงจะได้รับมรดกในฐานะ “ผู้รับพินัยกรรม” ไม่ใช่ในฐานะ “ทายาทโดยธรรม”
สิทธิของลูกที่เกิดจากพ่อแม่ที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส

ในด้านของลูก แม้พ่อแม่จะไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ลูกก็ยังมีสิทธิ์เป็นทายาทโดยธรรมของพ่อได้ หากมีการรับรองบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น:
- พ่อได้จดชื่อเป็นบิดาในสูติบัตรของลูก
- พ่อได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอรับรองบุตร
- มีหลักฐานหรือคำพิพากษาศาลยืนยันความเป็นบิดา
ในกรณีนี้ ลูกจะมีสิทธิ์ได้รับมรดกแทนแม่ ซึ่งไม่ได้มีสถานะทางกฎหมาย
กรณีไม่มีลูก และไม่มีพินัยกรรม

หากฝ่ายชายเสียชีวิตโดยไม่มีลูก และไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ ทรัพย์สินจะตกแก่ทายาทลำดับถัดไป เช่น บิดามารดาของผู้ตาย หรือพี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกันตามลำดับ
ซึ่งจะเห็นได้ว่า ผู้หญิงที่อยู่กินกับชายแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ไม่มีสิทธิ์ใด ๆ เว้นเสียแต่ว่าจะสามารถพิสูจน์สิทธิ์ในทรัพย์สินบางอย่างได้ เช่น ทรัพย์สินที่ตนมีส่วนร่วมในการหามา หรือทรัพย์สินที่ได้ร่วมกันซื้อ
กรณีมีทรัพย์สินที่ซื้อร่วมกัน

ในทางปฏิบัติ หากฝ่ายหญิงมีหลักฐานว่าเธอมีส่วนร่วมในการซื้อทรัพย์สินบางอย่าง เช่น บ้าน รถ หรือธุรกิจ และแม้ทรัพย์นั้นจะอยู่ในชื่อของฝ่ายชาย เธออาจสามารถฟ้องร้องเรียกแบ่งทรัพย์สินได้ในฐานะ “เจ้าของร่วม” ไม่ใช่ในฐานะทายาท
จากเหตุการณ์เช่นนี้ ทนายความจะมีบทบาทสำคัญในการรวบรวมหลักฐาน และฟ้องเรียกสิทธิในทรัพย์สินร่วม ซึ่งอาจเป็นช่องทางเดียวที่ทำให้ฝ่ายหญิงได้รับผลประโยชน์บางส่วนจากทรัพย์ของผู้เสียชีวิต
ในกรณีลักษณะนี้ การปรึกษาทนายความมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะเมื่อมีข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในทรัพย์สิน หรือมีหลายฝ่ายอ้างสิทธิ์ในมรดก ทนายความจะช่วยให้เข้าใจกระบวนการทางกฎหมาย เตรียมหลักฐาน และดำเนินการฟ้องร้องหรือไกล่เกลี่ยอย่างเป็นระบบ
นอกจากนี้ ทนายยังสามารถให้คำปรึกษาในการจัดทำพินัยกรรม เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ด้วย
สรุป: อยู่ด้วยกันไม่เท่ากับมีสิทธิ์
แม้จะใช้ชีวิตร่วมกันมานาน มีลูก มีความผูกพัน แต่หากไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ก็ไม่มีผลทางกฎหมายในเรื่องมรดก ฝ่ายหญิงจะไม่มีสิทธิ์ในฐานะทายาท เว้นแต่จะมีพินัยกรรมหรือสามารถพิสูจน์ความเป็นเจ้าของร่วมในทรัพย์สิน
เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้ การวางแผนทางกฎหมาย เช่น การทำพินัยกรรม หรือการรับรองบุตรจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม และหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสิทธิของตนเอง ควรรีบปรึกษาทนายความที่มีประสบการณ์ เพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนในทางที่ถูกต้อง
เขียนโดย กรรณิการ์ เจริญวีระวงศ์ (นักศึกษาฝึกประสบการณ์ สาขาภาษาจีน)