ถูกดูดเงินหมดบัญชี ปรึกษาทนายความทันที !!

มิจฉาชีพดูดเงินหมดบัญชี ปัญหาที่ถูกพบมากเป็นอันดับต้นๆในขณะนี้ อย่างที่เคยกล่าวไปในหลายๆบทความของเรา ไม่ว่าจะเป็น ถูกดูดเงินหมดบัญชี ปรึกษาทนายฟ้องธนาคารได้ ไม่ต้องรอให้เสียเวลา ! หรือ ปรึกษาทนายด่วนอย่ายอม !! หาเงินแทบตาย สุดท้ายถูกแอปดูดเงินหมดบัญชีและบทความอื่นๆที่เกี่ยวกับการดูดเงินของมิจฉาชีพ ในยุคดิจิทัลที่ธุรกรรมทางการเงินออนไลน์เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน ปัญหาการถูกมิจฉาชีพหลอกลวงทางการเงินและการสูญเสียเงินในบัญชีธนาคารก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลายคนพบว่าตัวเองกลายเป็นเหยื่อของการหลอกลวงทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการถูกล้วงข้อมูลบัญชีผ่านฟิชชิ่ง (Phishing) การปลอมตัวเป็นบุคคลสำคัญ หรือการใช้โปรแกรมสอดแนมข้อมูล (Spyware) ที่อาจดูดเงินจากบัญชีโดยไม่รู้ตัว

เหตุการณ์เช่นนี้อาจสร้างความตกใจและทำให้ผู้เสียหายไม่รู้จะทำอย่างไรดี ดังนั้น การรีบปรึกษาทนายความเพื่อขอความช่วยเหลือและคำแนะนำทางกฎหมายเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพื่อเพิ่มโอกาสในการจัดการกับปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพและได้รับการคุ้มครองตามสิทธิ์ที่ควรจะได้รับ

รูปแบบการหลอกลวงทางการเงินที่พบบ่อย

1. ฟิชชิ่ง (Phishing)

   ฟิชชิ่งเป็นการหลอกลวงที่ใช้วิธีส่งอีเมล ข้อความ หรือการโทรปลอมตัวเป็นธนาคารหรือองค์กรที่เชื่อถือได้ เพื่อหลอกให้เหยื่อกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร รหัสผ่าน หรือรหัส OTP จากนั้นมิจฉาชีพจะนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้เข้าถึงบัญชีและดูดเงินออกจากบัญชีอย่างรวดเร็ว

2. มัลแวร์และสปายแวร์ (Malware & Spyware)

   มิจฉาชีพอาจใช้โปรแกรมมัลแวร์หรือสปายแวร์ที่ถูกฝังในอุปกรณ์ของผู้ใช้โดยไม่รู้ตัว โปรแกรมเหล่านี้จะคอยเก็บข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่าน ข้อมูลบัญชีธนาคาร และรหัส OTP เพื่อให้มิจฉาชีพสามารถเข้าถึงบัญชีของเหยื่อและทำธุรกรรมการเงินได้

3. การปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารหรือหน่วยงานรัฐ

   มิจฉาชีพมักจะโทรศัพท์มาหลอกลวงเหยื่อ โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากธนาคาร หน่วยงานรัฐ หรือบริษัทบัตรเครดิต เพื่อแจ้งเตือนเกี่ยวกับการทำธุรกรรมที่ผิดปกติ และขอข้อมูลสำคัญจากเหยื่อ เช่น หมายเลขบัตรประชาชนหรือรหัสผ่าน

4. การหลอกให้ลงทุนปลอม

   มิจฉาชีพบางกลุ่มจะใช้วิธีการชักชวนให้เหยื่อลงทุนในธุรกิจหรือโปรแกรมการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง โดยใช้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันปลอมที่ดูน่าเชื่อถือ แต่แท้จริงแล้วเมื่อเหยื่อโอนเงินเพื่อการลงทุน เงินจะถูกดูดออกจากบัญชีทันทีและไม่สามารถติดตามได้

ทำไมการปรึกษาทนายความจึงสำคัญ?

1. ปกป้องสิทธิ์ตามกฎหมาย

   การถูกมิจฉาชีพดูดเงินออกจากบัญชีธนาคารเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและทรัพย์สิน การปรึกษาทนายความจะช่วยให้ผู้เสียหายเข้าใจถึงสิทธิ์ของตนเอง รวมถึงแนวทางในการเรียกร้องความเสียหายจากธนาคารหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

2. การติดตามและดำเนินคดี

   ทนายความสามารถช่วยในการติดตามข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีที่ถูกโจมตีและดำเนินการทางกฎหมายต่อมิจฉาชีพ การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากการถูกหลอกลวงทางการเงินนั้นจำเป็นต้องมีการจัดการที่ซับซ้อน ซึ่งการมีทนายความที่มีความเชี่ยวชาญจะช่วยเพิ่มโอกาสในการติดตามเงินคืนหรือเรียกร้องค่าเสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. การประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ

   เมื่อคุณพบว่าบัญชีธนาคารถูกดูดเงิน ทนายความสามารถประสานงานกับธนาคารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อเร่งรัดการสืบสวนและติดตามมิจฉาชีพ นอกจากนี้ ทนายความยังสามารถช่วยให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำได้ในอนาคต

4. การให้คำปรึกษาและการวางแผนในการดำเนินคดี

   ทนายความจะช่วยให้คุณวางแผนการดำเนินคดีและรวบรวมหลักฐานที่จำเป็นในการฟ้องร้อง โดยจะมีการแนะนำเรื่องเอกสารที่ต้องเตรียม การติดตามบัญชีทางการเงิน และวิธีป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่ออีกในอนาคต

วิธีป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์

-อย่าคลิกลิงก์จากแหล่งที่ไม่รู้จักหรือไม่ควรคลิกที่ลิงก์ที่ได้รับทางอีเมล ข้อความ หรือสื่อสังคมออนไลน์ หากไม่แน่ใจว่าเป็นแหล่งที่มาจากธนาคารหรือหน่วยงานที่เชื่อถือได้

-ตั้งค่าการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด ใช้รหัสผ่านที่ซับซ้อนและไม่ใช้รหัสผ่านเดียวกันสำหรับทุกบัญชี นอกจากนี้ ควรเปิดใช้การยืนยันตัวตนสองชั้น (Two-Factor Authentication) เพื่อเพิ่มความปลอดภัย

-ตรวจสอบข้อมูลธุรกรรมการเงินอย่างสม่ำเสมอ หมั่นตรวจสอบยอดเงินและธุรกรรมที่เกิดขึ้นในบัญชีธนาคารอย่างสม่ำเสมอ และแจ้งธนาคารทันทีหากพบความผิดปกติ

ดูดเงินหมดบัญชี มีทนายได้ทันทีไม่ต้องรอ

เมื่อคุณเผชิญกับเหตุการณ์ที่มิจฉาชีพดูดเงินหมดบัญชี ควรรีบปรึกษาทนายความโดยเร็วที่สุด ทนายความจะช่วยคุณปกป้องสิทธิ์ ติดตามคดี และเรียกร้องความเสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ การได้รับความช่วยเหลือจากทนายความจะเพิ่มโอกาสในการแก้ไขปัญหาและป้องกันไม่ให้คุณตกเป็นเหยื่ออีกครั้ง

หากคุณตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงทางการเงินและต้องการคำปรึกษา สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์พร้อมให้บริการและให้คำแนะนำทางกฎหมายอย่างครบวงจร โดยทนายความมืออาชีพ 

ตามให้ทันมุกใหม่!! แก๊งคอลเซ็นเตอร์

แก๊งคอลเซ็นเตอร์ มิจฉาชีพออนไลน์ตัวร้ายในยุค 2024 ที่เทคโนโลยีและการสื่อสารยิ่งมีความก้าวหน้า การหลอกลวงผ่านทางโทรศัพท์หรือที่เรารู้จักกันดีในนาม “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมไทย แก๊งคอลเซ็นเตอร์มักจะปรับเปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงและวิธีการที่ซับซ้อนขึ้น เพื่อหลอกให้ผู้เสียหายเชื่อถือและให้ข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญ เช่น ข้อมูลทางการเงิน ซึ่งทำให้หลายคนตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว วันนี้สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์จะพาให้คุณเข้าใจมุกใหม่ๆ ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมนำวิธีป้องกันและรับมือหากคุณถูกหลอกโดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาฝากกัน

รูปแบบใหม่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ในปัจจุบันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่เพียงแต่หลอกด้วยวิธีเดิมๆ ที่ใช้การข่มขู่ผ่านโทรศัพท์เท่านั้น คาดว่าเพราะคนไทยรู้ทันมุกต่างๆของแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้อยู่บ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่วาย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้พัฒนาวิธีการใหม่ๆ เพื่อให้เหยื่อเชื่อถือมากขึ้น วันนี้เรามาดูมุกรูปแบบที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์มักใช้ในปัจจุบันกัน

1. แกล้งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือหน่วยงานทางกฎหมาย

หนึ่งในมุกใหม่ที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้คือการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศาล หรือหน่วยงานรัฐ โดยจะข่มขู่ว่าผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน คดียาเสพติด หรือคดีอาญาร้ายแรง หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง เช่น การโอนเงินเพื่อปิดคดีหรือจ่ายค่าปรับ อาจถูกจับกุมหรือถูกดำเนินคดี นอกจากนี้ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังมักสร้างหลักฐานปลอม เช่น หมายจับหรือเอกสารทางกฎหมายเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือด้วย

2. แกล้งเป็นพนักงานธนาคารหรือบริษัทการเงิน

แก๊งคอลเซ็นเตอร์มักจะอ้างว่ามาจากธนาคารหรือสถาบันการเงิน แจ้งเตือนว่าบัญชีธนาคารของผู้เสียหายถูกแฮกหรือมีการทำธุรกรรมที่ผิดปกติ โดยขอให้ผู้เสียหายยืนยันตัวตนผ่านการบอกรหัส OTP หรือข้อมูลสำคัญอื่นๆ ซึ่งเป็นการเปิดทางให้มิจฉาชีพสามารถเข้าถึงบัญชีหรือข้อมูลทางการเงินได้

3. การหลอกว่าได้รับรางวัลใหญ่

อีกหนึ่งมุกยอดฮิตคือการโทรแจ้งว่าผู้เสียหายถูกรางวัลจากบริษัทใหญ่ หรือได้รับของรางวัลมีมูลค่าสูง เช่น รถยนต์ เงินสด หรือโทรศัพท์มือถือ โดยขอให้ผู้เสียหายโอนเงินค่าภาษีหรือค่าดำเนินการเพื่อรับรางวัล การหลอกลวงในรูปแบบนี้ทำให้หลายคนเสียเงินโดยที่ไม่เคยได้รับรางวัลตามที่อ้าง

4. หลอกลวงผ่านสื่อสังคมออนไลน์

นอกจากมุกที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังได้ขยายการทำงานไปยังสื่อสังคมออนไลน์ โดยสร้างโปรไฟล์ปลอมที่ดูน่าเชื่อถือ เช่น แอบอ้างเป็นพนักงานธนาคาร เจ้าหน้าที่รัฐ หรือบริษัทใหญ่ๆ จากนั้นจะติดต่อผู้เสียหายเพื่อให้ตกหลุมพราง โอนเงิน หรือให้ข้อมูลสำคัญส่วนตัวนั่นเอง

วิธีป้องกันและรับมือกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์

1. ตั้งสติและอย่ารีบเชื่อทันที

หากคุณได้รับโทรศัพท์จากหมายเลขแปลกหรือมีคนแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ควรตั้งสติและอย่าเพิ่งเชื่อข้อมูลที่ได้รับทันที ไม่ควรทำตามคำสั่งหรือให้ข้อมูลส่วนตัว เช่น บัตรประชาชน รหัส OTP หรือเลขบัญชีธนาคาร เพราะเจ้าหน้าที่จริงๆ จะไม่มีการขอข้อมูลเหล่านี้ทางโทรศัพท์

2. ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล

หากคุณสงสัยว่าข้อมูลที่ได้รับเป็นความจริงหรือไม่ ควรตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง อย่าติดต่อไปยังหมายเลขที่คนโทรเข้ามาให้ เพราะอาจเป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อให้คุณหลงเชื่อ

3. ไม่โอนเงินตามคำขู่

การข่มขู่ให้โอนเงินเพื่อปิดคดีหรือหลีกเลี่ยงการถูกจับกุมเป็นเรื่องที่ผิดปกติ หากมีกรณีเกี่ยวกับกฎหมายจริงๆ เจ้าหน้าที่จะมีการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายอย่างชัดเจน และจะไม่มีการขอให้โอนเงินเพื่อยุติคดีทางโทรศัพท์

4. บล็อกและรายงานหมายเลขโทรศัพท์ต้องสงสัย

หากคุณได้รับโทรศัพท์จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ควรบล็อกหมายเลขดังกล่าว และรายงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือธนาคารที่ถูกแอบอ้าง เพื่อให้สามารถติดตามและดำเนินคดีกับมิจฉาชีพได้

5. ใช้แอปพลิเคชันป้องกันการหลอกลวงทางโทรศัพท์

   ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันที่สามารถตรวจสอบและบล็อกหมายเลขที่น่าสงสัยได้ เช่น Truecaller หรือ Whoscall แอปเหล่านี้จะช่วยกรองสายโทรเข้าที่มีความเสี่ยง และแจ้งเตือนเมื่อคุณได้รับสายจากมิจฉาชีพ

หากถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก รีบปรึกษาทนายความด่วน

อย่างที่ทราบกันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังคงเป็นภัยคุกคามที่ไม่ควรมองข้าม แต่ด้วยการป้องกันและรับมือที่ถูกต้อง คุณสามารถหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้ อย่าลืมตั้งสติทุกครั้งเมื่อได้รับโทรศัพท์จากหมายเลขที่ไม่รู้จัก และหมั่นตรวจสอบข้อมูลก่อนตัดสินใจทำสิ่งใด หากคุณสงสัยว่าคุณตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ควรรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบและป้องกันความเสียหายต่อไป แตสำหรับเหยื่อหรือผู้เสียหายที่ถูกหลอกโดยมิจฉาชีพอย่างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปแล้วเราขอแนะนำให้ปรึกษาทนายความเพื่อการเดินเรื่องที่รวดเร็วดีที่สุด ไม่ต้องเสียเวลาไปเดินเรื่องเอง เพราะในปัจจุบันมีผู้เสียหายที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเป็นจำนวนมาก การเดินเรื่องจากหน่วยงานต่างๆ อาจล่าช้าไปตามกัน การปรึกษาทนายความเพื่อการเดินเรื่องที่รวดเร็วและนำมาซึ่งได้ได้รับเงินที่ถูกหลอกไปคืนคือทางออกที่ดีที่สุดปรึกษาทนาย >>ติดต่อเรา<<

หรือหากคุณต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรับมือกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือการจัดการกรณีที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายอื่นๆ สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์พร้อมให้บริการ ให้คำปรึกษา และยินดีให้บริการทางกฎหมายกับคุณในทุกสถานการณ์

เตือนภัยออนไลน์ ภัยร้ายที่ยังวนเวียน แอพดูดเงินหมดบัญชี

เตือนภัยออนไลน์ ภัยร้ายที่ยังวนเวียน แอพดูดเงินหมดบัญชี

          ภัยร้ายออนไลน์ที่ยังวนเวียนอย่างแอพดูดเงินแอพพลิเคชันที่เหล่ามิจฉาชีพสร้างขึ้นมาเพื่อพร้อมดูดเงินคุณจนหมดบัญชี หากหลงเชื่อและคลิกลิงก์ที่มิจฉาชีพคอลเซ็นเตอร์ได้ส่งมา และในขณะนี้ที่มากไปกว่านั้นภัยร้ายออนไลน์แอพดูดเงินไม่ใช่มีแค่เหล่ามิจฉาชีพออนไลน์ และหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีกต่อไปที่จะส่งลิงก์แอพดูดเงินแอพพลิเคชันปลอมมาให้คุณ เพราะในขณะนี้คนที่คุณรู้จักเองก็อาจจะเป็นผู้ที่ส่งลิงก์แอพดูดเงินหรือแอพปลอมที่พวกเหล่ามิจฉาชีพมักชอบส่งมาได้เช่นเดียวกัน จะด้วยสาเหตุใดข้อเท็จจริงยังไม่แน่ชัดนัก แต่ที่แน่นอนเรียกได้ว่าในปัจจุบันนี้ไม่สามารถหลงเชื่อใครได้ แม้ว่าจะเป็นคนที่คุณรู้จักมักคุ้นก็ตาม ตามเช่นเคยวันนี้สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ก็ได้นำ 13 แอพพลิเคชั่นอันตรายมาฝากทุกคนให้ได้เช็กแอพดูดเงินในมือถือของคุณกัน และนอกจากนี้ยังได้นำข้อมูลความรู้วิธีป้องกันแอพดูดเงินที่พร้อมดูดเงินคุณจนหมดบัญชีหากเพียงคุณคลิกแค่ปลายนิ้วมาฝากกัน

เช็กมือถือด่วน !!! แอพที่มีเป็นแอพดูดเงินหรือไม่

เช็กมือถือด่วน !!! แอพที่มีเป็นแอพดูดเงินหรือไม่

          SPRING NEWS เปิด 13 แอพอันตรายหากโหลดมาอาจถูกแอพดูดเงินเกลี้ยงบัญชีได้ จะมีแอพอะไรบ้างมาเช็กกันเลย

  1. Battery Charging Animations Battery Wallpaper
  2. Classic Emoji Keyboard
  3. Battery Charging Animations Bubble -Effects
  4. Easy PDF Scanner
  5. Dazzling Keyboard
  6. Halloween Coloring
  7. EmojiOne Keyboard
  8. Smart TV remote
  9. Flashlight Flash Alert On Call
  10. Volume Booster Hearing Aid
  11. Now QRcode Scan
  12. Volume Booster Louder Sound Equalizer
  13. Super Hero Effect

          13 แอพที่ขึ้นอยู่ข้างต้น เป็นแอพที่ไม่ควรเผลอโหลดมาเด็ดขาด ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม หากไม่อยากถูกแอพดูดเงินหมดบัญชี เพราะการทำงานของแอพดูดเงินประเภทนี้ เมื่อเราโหลดมาใส่มือถือของเราแล้ว นั่นหมายถึงเราได้กดยอมรับ/ติดตั้งให้เหล่ามิจฉาชีพออนไลน์ได้แฝงตัวเข้ามาอย่างถูกต้อง เนื่องจากเจ้าของโทษศัพท์มือถือ ได้มีการกดดาวน์โหลด และหรือใส่รหัสยืนยันให้มันเข้ามานั่นเอง และนอกจากวันนี้จะมาเปิดเผย 13 แอพดูดเงินแล้ว เรายังได้นำ 5 วิธีป้องกันดี ๆ ง่าย ๆ มาฝากทุกท่านกันด้วย

 5 วิธีป้องกัน “แอพดูดเงินหมดบัญชี” ภัยร้ายใกล้ตัวที่เสียหายได้แค่เพียงปลายนิ้วคลิก

          เนื่องจากแอพดูดเงินยังคงเป็นที่น่าระแวงและระวังอยู่ อีกทั้งยังเพิ่มพูนความอันตรายต่อข้อมูลความเป็นส่วนตัวของเราเป็นอย่างมาก วันนี้สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ก็ได้นำ 5 วิธีการป้องกันดี ๆ เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ตัวแทนธนาคารออมสินขอออกมาเตือนภัยด้วยตนเองมาฝากทุกท่านกัน เพื่อให้ทุกท่านได้ระแวดระวังต่อแอพดูดเงินภัยร้ายออนไลน์ที่ยังไม่หมดไปจากสังคม โดยวิธีการป้องกันแอพดูดเงินก็มีดังนี้

  1.   อย่าคลิกลิงก์ที่เราไม่รู้จัก และหรือลิงก์ที่ส่งมาโดยคนแปลกหน้า
  2.   ถ้าเป็นไปได้ควรแยกเครื่องโทรศัพท์มือถือที่ใช้งานแอพธนาคาร กับเครื่องที่ใช้งาน Social ต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้น
  3.   ใช้โทรศัพท์มือถือที่มีระบบความปลอดภัยสูง เช่น ระบบป้องกันการโหลดแอพพลิเคชันปลอม เพราะหากถูกแอพดูดเงินหมดบัญชีไปแล้ว ต่อให้ลบแอพธนาคารก็ไม่ช่วยอะไร
  4.   ตื่นตัวตื่นรู้อยู่ตลอดเวลา ไม่หลงเชื่อใครง่าย ๆ ในยุคสมัยแบบนี้
  5.   ทำตัวเป็นเดก็ก็ก็กยึดคำว่า “อย่าเชื่อคนแปลกหน้า” ไว้เสมอ

          สุดท้ายนี้เมื่อความผิดพลาดไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น หากคุณถูกแอพดูดเงินไปเกลี้ยงบัญชี คงเป็นเรื่องยากที่จะไม่ให้ตระหนกตกใจ แต่เรื่องราวดี ๆ ยังมี คือ รีบปรึกษาทนายด่วน เรื่องแบบนี้ควรมีทนายไว้ปรึกษาและหรือดำเนินคดีเพื่อเอาเงินคืนบัญชีดีที่สุด มีหลายเคสที่โดนแอพดูดเงินไปหมดบัญชี ไปเดินเรื่องดำเนินการเอง ก็มีแต่เสียเวลา อีกทั้งคดีความยังไม่คืบหน้า เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมากที่ถูกแอพดูดเงินไป ดังนั้น การมีทนายความเพื่อให้คำปรึกษาหรือดำเนินคดีตั้งแต่ที่คุณได้ชื่อว่า “เป็นผู้เสียหาย” ตั้งแต่แรกเป็นเรื่องที่ดีที่สุด อีกทั้งยังไม่ต้องปวดหัวหรือกังวลใจที่จะไม่ได้เงินคืนอีก หากต้องการติดต่อทนายไม่ว่าจะเรื่องนี้หรือเรื่องไหนก็สามารถติดต่อเราได้ตลอดเวลา สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ยินดีให้บริการ

 ขอขอบคุณข้อมูลความรู้ดี ๆ จาก TikTok ช่อง SPRING NEWS