ทนายความที่ปรึกษา คืออะไร ? มีทนายความที่ปรึกษาแล้วดีอย่างไร ?

ทนายความที่ปรึกษา คืออะไร ? มีทนายความที่ปรึกษาแล้วดีอย่างไร ?

          ทนายความที่ปรึกษา หรือ ที่ปรึกษาทางด้านกฎหมาย ตามหลักแล้วนั้น ทนายความที่ปรึกษา คือ บุคคลผู้ที่ประกอบวิชาชีพทางด้านกฎหมาย อย่างที่หลายคนจะรู้จักกันเป็นอย่างดีก็คืออาชีพทนายความนั่นเอง แต่ในบางประเทศก็มักใช้คำเรียกอาชีพนี้ว่า ทนายแก้ต่าง ทั้งทนายความที่ปรึกษา หรือทนายความแก้ต่าง ต่างก็มีหน้าที่เหมือนกัน คือให้บริการทางด้านกฎหมาย โดยทนายความหรือทนายความที่ปรึกษา เป็นอาชีพที่ไม่ใช่ว่าใครก็จะเป็นกันได้ง่าย ๆ เนื่องจากต้องผ่านบททดสอบ ผ่านการปฏิบัติ และที่สำคัญต้องมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ทนายความที่ปรึกษายังต้องมีใบอนุญาตในการประกอบวิชาชีพ เพื่อทำหน้าที่ในการให้คำปรึกษาทางด้านข้อกฎหมาย รวมไปถึงดำเนินขั้นตอนหรือกระบวนพิจารณาตามกฎหมายด้วย

มีทนายความที่ปรึกษาดีอย่างไร ?

มีทนายความที่ปรึกษาดีอย่างไร ?

          ปัจจุบันไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ประกอบอาชีพใด ต่างก็สามารถมีทนายความที่ปรึกษาได้โดยที่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เนื่องจากในปัจจุบันในสังคมมีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาและรวดเร็วพอสมควร ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในยุคที่โลกหมุนเร็วในวันหนึ่ง ๆ คุณก็อาจเป็นผู้โชคร้ายที่ประสบเข้ากับปัญหาอย่างที่คาดไม่ถึงได้ ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจเกิดขึ้นได้ในทุกวัน หากวันหนึ่งเกิดเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ ประสบปัญหาถึงขั้นเป็นคดีความขึ้นมา แต่ความรู้ทากฎหมายก็มีไม่มากพอที่จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเองได้ เพราะเหตุนี้จึงต้องมีทนายความที่ปรึกษาเพื่อเป็นที่ปรึกษาในยามที่คุณเดือดร้อน ต้องการที่พึ่งพึงทางด้านกฎหมาย และแน่นอนว่าทนายความที่ปรึกษาที่พร้อมและยินดีจะเป็นที่ปรึกษาให้กับคุณในทุกเรื่องร้อนใจต้องที่ สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์

ทำไมถึงจ้างเรา #สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ เสียงจากผู้เสียงหายจริง

           คลิปวิดีโอข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเสียงจากลูกความหลังจากใช้บริการทนายความที่ปรึกษาในการดำเนินคดีความให้เท่านั้น ยังมีอีกหลายเรื่องราว หลายคดีความที่สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ ให้บริการในการดำเนินคดีรวมไปถึงเป็นทนายความที่ปรึกษาให้กับคดีเล็ก คดีใหญ่อีกมากมาย ในหัวข้อเนื้อหาถัดไปเราจะมานำเสนอให้ทุกท่านได้ชมกันอย่างแน่นอน  เพราะทนายความที่ปรึกษาที่พร้อมจะรับฟังทุกปัญหาในเรื่องทุกข์ใจของคุณให้เราเป็นทนายความที่ปรึกษา เพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้อง ถูกจุด และที่สำคัญถูกต้องตามขั้นตอนของหลักกฎหมาย ดำเนินคดีความอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้คุณได้รับความเป็นธรรมอย่างถึงที่สุดต้องที่ สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์

ทีมทนายความที่พร้อมให้คำปรึกษาต้องที่ สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์

          สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ เรามีทีมทนายความที่ปรึกษาที่พร้อมรับฟังทุกปัญหาของผู้มาใช้บริการ เพราะสำนักงานของเรายึดมั่นในในการบริการทางด้านกฎหมาย  ด้วยประสบการณ์มากกว่า 10 ปี และเรามีทีมทนายความมากประสบการณ์ นำทีมโดยทนายอาร์ม ศุภสิทธิ์  ศิริ ที่พร้อมและยินดีให้บริการคุณในทุกเรื่องเดือดร้อน ทุกเรื่องทุกข์ใจ ไม่ว่าคุณจะประสบปัญหาใด คดีความใด จะหนักหนาหรือสาหัสมากเพียงไหนให้ สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ เป็นทนายความที่ปรึกษาให้กับคุณในการแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด วางแผนรูปคดีอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเทคนิคและวิธีการทางกฎหมายที่ได้สั่งสมมาไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนตามหลักขั้นตอนทางกฎหมายทุกประการ ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็สามารถมีทนายความที่ปรึกษาได้โดยที่ไม่ต้องรอให้มีคดีความหรือมีเรื่องราวถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลก่อน เพราะทนายความที่ปรึกษาจะให้ปรึกษา คำแนะนำ แนะแนวทางในทุกเรื่องไม่ว่าคุณจะกระทำสิ่งใด ไม่ว่าจะในเรื่องของธุรกิจ การทำงาน ครอบครัว รวมไปถึงเรื่องอื่น ๆ ที่คุณสนใจด้วย ดังนั้น การมีทนายความที่ปรึกษาถือเป็นเรื่องที่ดี อย่าคิดว่าคุณเป็นเพียงบุคคลธรรมดาทั่วไป ไม่ใช่นักธุรกิจหรือนักลงทุนใด ๆ  ไม่จำเป็นต้องมีทนายความที่ปรึกษาก็ได้ ก็จริงอยู่แต่เป็นในยุคสมัยก่อนที่สังคมจะเต็มไปด้วยปัญหา เต็มไปด้วยมิจฉาชีพเกลื่อนเมืองเหมือนอย่างทุกวันนี้ การมีทนายความที่ปรึกษาจะช่วยให้คุณอุ่นใจได้ตลอดเวลา เพราะคุณมีที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายอยู่ใกล้ตัว อยากจะปรึกษา หรือสอบถามเรื่องใดก็ง่าย และสอบถามได้ตลอดเวลา อีกทั้งทนายความที่ปรึกษายังเป็นผู้ที่จะอยู่เคียงข้างคุณตั้งแต่วันที่คุณมีปัญหา จนถึงวันที่คุณผ่านพ้นช่วงปัญหาไปในที่สุด 

สำนักงานทนายความมืออาชีพ ต้องสำนักงานกฎหมายวงศกรณ์

สำนักงานทนายความมืออาชีพ ต้องสำนักงานกฎหมายวงศกรณ์

          สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์  สำนักงานทนายความมืออาชีพที่พร้อมให้บริการทางด้านกฎหมายแก่ผู้มาใช้บริการทุกท่าน  พร้อมทนายความมืออาชีพอย่างทนายอาร์ม ศุภสิทธิ์ ศิริ และทีมทนายความหลายท่านผู้มีความเชี่ยวชาญทางด้านข้อกฎหมายต่าง ๆ หากใครที่ติดตามและรู้จักสำนักงานทนายความของเรา คงทราบกันเป็นอย่างดีว่าเราโดดเด่นทางด้านคดีประกันภัย แม้ว่าเราจะโดดเด่นในด้านกฎหมายและการประกันรถยนต์แล้ว เรายังรับทำคดีทั้งคดีแพ่ง คดีอาญา คดีผู้บริโภค คดีหมิ่นประมาท คดีมรดก คดีครอบครัว รวมไปถึงรับร่างสัญญา ทำบันทึกข้อตกลงต่าง ๆ บริการทนายความรับรองลายมือชื่อ อีกทั้งสำนักงานทนายความของเรายังมีบริการคัดถ่ายสำนวนของศาลในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลอีกด้วย ครบวงจรทุกเรื่องของกฎหมายต้องที่สำนักงานทนายความ สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ เท่านั้น

ทำไมต้องสำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ ?

ทำไมต้องสำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ ?

          อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้น สำนักงานทนายความของเราครบวงจรทุกเรื่องของกฎหมาย และมีทีมทนายความที่พร้อมเป็นที่ปรึกษาพร้อมให้บริการกับผู้ใช้บริการอย่างเต็มเปี่ยม ด้วยประสบการณ์ที่มีมาอย่างยาวนานกว่า 10 ปี มีประสบการณ์เกี่ยวกับคดีความมาทุกประเภท ด้วยการสั่งสมประสบการณ์ เทคนิค กลยุทธ์ วิธีการในการดำเนินคดีความจึงมีอย่างหลากหลาย เรียกได้ว่าสำนักงานทนายความของเรามีความพร้อมเป็นอย่างมากที่จะดำเนินคดีความหลากหลายรูปแบบ วันนี้จึงได้นำรีวิวและความรู้สึกของผู้เสียหายที่มีต่อ สำนักงานทนายความ  สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ หลังจากที่สำนักงานทนายความ ของเราดำเนินคดีความให้

รีวิวของผู้เสียหายหลังให้สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ดำเนินคดีให้

https://www.youtube.com/watch?v=eESj7qHLFRo

          เคสนี้เป็นเรื่องราวของสามีผู้เสียหายที่ภรรยาของเขาได้ถูกรถชนเป็นเหตุให้ต้องบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นเลือดคั่งในสมอง กะโหลกยุบ ต้องผ่าตัดใส่กะโหลกเทียมหลายต่อหลายครั้ง นอกจากนี้ยังต้องพักรักษาตัวนานกว่า 5 เดือนด้วยกัน จากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ทำให้ปัจจุบันผู้เสียหายได้มีอาการหลงลืม ไม่สามารถกลับมาจำได้เป็นปกติ อีกทั้งบริษัทประกันภัยจองเจ้าเล่ห์ยังไม่ใยดีต่อความเสียหาย อ้างว่าเอกสารไม่ครบบ้าง ให้ไปรักษาตัวให้หายดีก่อนบ้าง และบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับผิดชอบต่อผู้เสียหาย จนวันหนึ่งสามีของผู้เสียหายเดือดร้อนหนักจนต้องรีบหาทนายความเพื่อดำเนินคดี และโชคดีที่สามีผู้เสียหายได้ดู YouTube ของสำนักงานทนายความของเรา จึงมั่นใจว่าต้องให้สำนักงานทนายความของเราเป็นคนดำเนินคดีให้ สุดท้ายผู้เสียหายก็ได้รับความเป็นธรรมในที่สุด เมื่อบริษัทประกันภัยได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ทั้งภาคบังคับและภาคสมัครใจอย่างเป็นธรรมต่อความเสียหายความทุกข์ทรมานที่ผู้เสียหายได้รับ

          สำหรับเคสนี้เป็นอีกหนึ่งเคสที่สะเทือนใจเป็นอย่างมาก เมื่อเด็กหญิง 2 พี่น้องได้ประสบอุบัติเหตุต้องรักษาตัวนานกว่า 3 เดือน แต่ดันถูกบริษัทประกันภัยหัวแพทย์เสนอจ่ายน้อยกว่าความเจ็บปวดที่แท้จริงของเด็กหญิงทั้ง 2 จากเหตุการณ์นี้ทำเอาหัวใจของผู้เป็นแม่แทบแตกสลาย จึงได้ดำเนินการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนขึ้น หลังจากที่คุณแม่ของเด็กหญิงเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมให้ลูกทั้ง 2 กลับเจอ #ทะแนะ ผู้ให้ข้อมูลผิด ๆ ว่าเดี๋ยวค่อยมาเรียกร้องก็ได้ อีก 10 ปีก็เรียกร้องทัน สุดท้ายหลงเชื่อทำให้คดีความเกือบขาดอายุความ แต่คดีนี้ยังโชคดีที่คุณแม่ได้มาเจอสำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ สำนักงานทนายความของทนายอาร์ม  จึงได้รู้ว่าตนนั้นถูกทะแนะหลอกเข้าให้แล้ว เพราะความจริงแล้วนั้นคดีความมีระยะเพียง 2 ปีเท่านั้น จากเคสนี้จึงทำให้ได้รู้ว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุควรรีบดำเนินการ ดำเนินคดีให้รวดเร็ว และไม่ควรหลงเชื่อทะแนะผู้ให้ข้อมูลผิด ๆ หลังเกิดอุบัติเหตุควรรีบมีทนายความโดยเร็วที่สุด เพื่อความเป็นธรรมของตัวคุณ สำนักงานทนายความของเรายินให้บริการ โดยทนายความไม่ใช่ทะแนะแน่นอน

          เป็นอีกหนึ่งเคยที่ผู้เสียหายยืนยันว่าต้องเลือกสำนักงานทนายความของเราเป็นผู้ดำเนินคดีความให้ โดยผู้เสียหายท่านนี้ประสบอุบัติเหตุทางจยย. ได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องผ่าตัดใส่เหล็กเช่นเดียวกัน การใช้ชีวิตของผู้เสียหายจากปกติก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป อีกทั้งในช่วงระหว่างการรักษาตัวก็ยังต้องดูแลตัวเองในทุกค่าใช้จ่ายที่มีขึ้น ไร้เยื่อใยจากบริษัทประกันภัยมารับผิดชอบ และเสนอจ่ายน้อยกว่าความเจ็บปวดของผู้เสียหาย ทางคุณพ่อของผู้เสียหายเห็นว่าไม่คุ้มค่าต่อการรักษาตัวในอนาคต เนื่องจากยังต้องพบแพทย์อย่างต่อเนื่อง จนผลสุดท้ายมาเจอสำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ สำนักงานทนายความ ได้ดำเนินคดีความให้จนผลสุดท้ายผู้เสียหายก็ได้รับการเยียวยาที่เป็นธรรมในที่สุด

           สำนักงานทนายความ สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ ครบวงจรทุกปัญหาทุกความเดือดร้อนของผู้มาใช้บริการ เพราะเป็นผู้ให้บริการทางด้านกฎหมายที่ครอบคลุมทุกคดีความ ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่ทีมทนายความของเรามี จึงสามารถเชื่อมั่นและไว้ใจในฝีมือของเราได้ เราพร้อมและยินดีให้คำปรึกษาทุกข้อกฎหมายทุกเรื่องราว ไม่ว่าจะคดีรถชน คดีประกันภัย หรือคดีความอื่น ๆ เราพร้อมให้บริการ ต้องการปรึกษาทนายความ คลิก ติดต่อเรา

อุทาหรณ์ตัวแทนประกันชีวิต ขายประกันทิพย์จนต้องฟ้อง!!

อุทาหรณ์ตัวแทนประกันชีวิต ขายประกันทิพย์จนต้องฟ้อง!!

          สำหรับเรื่องตัวแทนประกันชีวิตที่เรียกได้ว่ามีกระแสหนาหูกันมากทีเดียวกับเรื่องฟ้องตัวแทนประกันชีวิตไม่ว่าจะในปัจจุบันหรือในอดีต วีรกรรมสุดแสบของเหล่าตัวแทนประกันชีวิตที่สร้างปัญหาและความเดือดร้อนให้ผู้บริโภคและบริษัทเองจนถึงขั้นฟ้องตัวแทนประกันชีวิตกันมานักต่อนักแล้ว วันนี้สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์มีตัวอย่างเรื่องราวสุดแสบของตัวแทนประกันชีวิตที่ได้สร้างความเดือดร้อนจนเสียหายกว่า 10 ล้าน มาฝากให้เป็นอุทาหรณ์กัน

ตัวแทนประกันชีวิต หลอกขายประกันทิพย์ไม่มีอยู่จริง

https://www.youtube.com/watch?v=WwC6057fm-M

          เป็นข่าวสด ๆ ร้อน ๆ ส่งท้ายปีเก่ารับปี 2567 สำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับบริษัทประกันชีวิตและตัวแทนขายประกันชีวิตเลยก็ว่าได้ ฟ้องตัวแทนประกันชีวิตทำเอาสะเทือนวงการบริษัทประกันชีวิตเป็นอย่างมากเลยทีเดียว และนอกจากจะสะเทือนวงการบริษัทประกันชีวิตแล้ว ลูกค้าหรือผู้บริโภคก็สะเทือนใจเช่นเดียวกัน เนื่องจากต่างเกิดความกลัวและกังวลในตัวของตัวแทนขายประกันชีวิตและบริษัทเกิดขึ้น เมื่อมีข่าวดังออกมาเกี่ยวกับวีรกรรมสุดแสบของตัวแทนขายประกันที่ทำเอาเหล่าลูกค้าต้องรีบเช็คกับบริษัทหรือตัวแทนขายประกันอย่างเร่งด่วนเลยทีเดียว

       ฟ้องตัวแทนประกันชีวิตโดยเรื่องราวมีอยู่ว่าตัวแทนประกันชีวิตได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้ที่ จ.ปทุมธานี ซึ่งบุคคลนี้เป็นพนักงานบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง โดยได้ร่วมกับผู้ต้องหาอีก 2 คน ปลอมแปลงเอกสารและยักยอกเงินของบริษัทไปกว่า 10 ล้านบาทด้วยกัน จากการสืบสวนพบว่าเมื่อเดือนกันยายนปี 2560 ถึง กรกฎาคม ปี 2561 หนึ่งในผู้ต้องหาที่เป็นตัวแทนขายประกันของบริษัทประกันแห่งหนึ่ง ร่วมกันคิดเสนอโครงการออมทรัพย์ประกันพิเศษกับลูกค้าของบริษัทจำนวนมาก โดยอ้างต่อลูกค้าว่าได้อัตราดอกเบี้ยร้อยละสี่ต่อปี ซึ่งเป็นจำนวนที่มากพอสมควรในการซื้อประกันชีวิต นอกจากนี้ยังบอกอีกว่าได้รับความคุ้มครองเมื่อเสียชีวิต 3 เท่าของเงินฝาก แต่โครงการนี้เป็นโครงการทิพย์ ไม่มีอยู่จริง จากนั้นหนึ่งในผู้ต้องหาที่เป็นตัวแทนขายประกันยังร่วมกันปลอมแปลงเอกสาร อาทิ สมุดรับฝากเงินที่ปรากฏตราสัญลักษณ์และลายมือชื่อของผู้บริหารของบริษัทประกันแห่งนี้ นำไปส่งมอบให้กับลูกค้าจำนวนมาก จนลูกค้าหลงเชื่อจึงได้จ่ายค่าทุนประกันนี้ให้กับผู้ต้องหาด้วยความเชื่อถือ โดยผู้ต้องหาได้เก็บเงินค่าทุนประกันไว้เอง ฟ้องตัวแทนประกันชีวิตและไม่ได้ส่งให้บริษัท ยังไม่พอนอกจากนี้ผู้ต้องหายังปลอมแปลงลายมือชื่อของลูกค้าในใบคำขอเอาประกันเรียกค่าสินไหมทดแทนจากการเสียชีวิตของลูกค้าจำนวนเกือบ 8 ล้านบาท แต่กลับจ่ายเงินให้ลูกค้าเป็นผู้เอาเงินทุนประกันเพียง 3 ล้านบาทเท่านั้น จากนั้นกลุ่มผู้ต้องหาหลังจากได้เงินจากลูกค้ามาได้เอาเงินมาแบ่งกัน จากเหตุการณ์นี้ได้ทำให้บริษัทประกันชีวิตได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก จึงได้รีบรุดไปแจ้งความในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบผู้ต้องหามีด้วยกัน 3 ราย โดยรายที่ 1 และ 2 ได้เดินทางไปต่างประเทศตั้งแต่ปลายปี 2562 แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ประสานไปยังตำรวจสากลออกหมายแดงให้ช่วยติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม และร่วมกันฉ้อโกง สุดท้ายไม่รอดโดนจับได้ในที่สุด

       จึงอยากเตือนเป็นอุทาหรณ์ไว้สำหรับใครที่คิดจะทำประกันชีวิต ต้องเลือกตัวแทนประกันดี ๆ บริษัทที่เชื่อถือได้ และที่สำคัญคือต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่าโครงการประกันชีวิตแบบนี้มีในเว็บไซต์กลางหรือไม่ หากไม่ตรวจสอบให้ดีก็อาจถูกหลอกเหมือนอย่างลูกค้าของบริษัทนี้ได้

       สำหรับเรื่องราวนี้ก็นับว่าร้ายแรงต่อผู้บริโภคและบริษัทประกันชีวิตต้นสังกัดมากทีเดียว ฟ้องตัวแทนประกันชีวิต คงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดหากเจอเหตุการณ์แบบนี้ หัวข้อถัดไปเราได้นำข้อมูลที่คุณต้องรู้ให้ทันตัวแทนประกันชีวิตมาฝากด้วย

รู้ทัน…ประเภทตัวแทนประกันชีวิตที่ไม่ประสงค์ดีต่อคุณ

รู้ทัน...ประเภทตัวแทนประกันชีวิตที่ไม่ประสงค์ดีต่อคุณ

ตัวแทนประเภทบิดเบือนผลตอบแทน

       โดยตัวแทนประเภทนี้มักจะอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจจากลูกค้าและจากการที่ลูกค้าอาจไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียดข้อมูลให้ดีก่อน จะโน้มน้าวโดยมุ่งไปที่การบอกลูกค้าถึงผลตอบแทนจากการทำประกันชีวิตที่สูงเกินความเป็นจริง ฟ้องตัวแทนประกันชีวิต ซึ่งในความเป็นจริงนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้ผลตอบแทนที่สูง เนื่องจากผลตอบแทนของประกันแบบสะสมทรัพย์จะต้องเชื่องโยมกับผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งไม่มีทางเกิน 3% อย่างแน่นอน

ตัวแทนประเภทตั้งใจมาหลอก

       ฟ้องตัวแทนประกันชีวิตตัวแทนประเภทนี้ไม่ต่างอะไรกับมิจฉาชีพ เพราะมักจะหลอกลวงผู้ที่รู้จักกันเป็นอย่างดี โดยตัวแทนประกันรูปแบบนี้มักจะเคยเป็นอดีตตัวแทนขายประกันมาก่อน จะมานำเสนอประกันที่มีผลตอบแทนที่สูงมากเช่นเดียวกัน และใช้ความไว้เนื้อเชื่อใจหลอกล่อด้วยกลอุบายต่าง ๆ ให้โอนเงินเข้าบัญชีของตัวเอง หลังจากนั้นก็แน่นอนว่าตัวแทนประกันหรือมิจฉาชีพก็จะหายไปโดยปริยาย และเมื่อหลังจากที่รู้ตัวว่าถูกหลอกบริษัทต้นสังกัดก็ไม่รับผิดชอบใด ๆ แล้ว แน่นอนว่าแบบประกันที่ตัวแทนขายมานั้นก็ไม่มีอยู่จริง เป็นประกันทิพย์เช่นเดียวกับข่าวที่เราได้นำมาเป็นอุทาหรณ์

          และตัวแทนประกันประเภทนี้ เป็นประเภทที่ผู้เสียหายฟ้องตัวแทนประกันชีวิตมากที่สุด เนื่องจากหลอกให้สูญเงินจำนวนมาก และตัวแทนประเภทนี้ทำให้วงการบริษัทประกันชีวิตได้สั่นสะเทือน เนื่องจากหลังผู้เสียหายฟ้องตัวแทนประกันชีวิต ความน่าเชื่อถือ ความไว้ใจที่ผู้เสียหายมีต่อบริษัทประกันชีวิตก็เริ่มลดน้อยลงไปด้วยเช่นเดียวกัน

          ยังมีวีรกรรมสุดแสบของตัวแทนประกันชีวิตอีกหลายเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งบริษัทเองหรือผู้เสียหายเองได้เคยฟ้องตัวแทนประกันชีวิตกันเป็นจำนวนมากมาแล้ว หากไม่อยากตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพในรูปแบบของตัวแทนขายประกันก็ต้องตรวจสอบรายละเอียดอย่างรอบครอบและถี่ถ้วน และถ้าหากใครตกเป็นเหยื่อของตัวแทนประกันชีวิตถูกหลอกอย่ารอช้ารีบปรึกษาทนายเพื่อฟ้องตัวแทนประกันชีวิต เพื่อเอาเงินที่สูญไปคืนมา คลิก>>ติดต่อเรา

ค่าเสียหายเชิงลงโทษคืออะไร ?

ค่าเสียหายเชิงลงโทษคืออะไร ?

           วันนี้สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์มีความรู้ดี ๆ มาให้ทุกท่านได้อ่านเพิ่มพูนความรู้กันเกี่ยวกับเรื่อง ค่าเสียหายเชิงลงโทษ ซึ่งหลายท่านอาจมีความสงสัยเกี่ยวกับค่าเสียหายเชิงลงโทษว่าคืออะไรกัน บางท่านเคยได้ยินก็ไม่รู้ว่าคืออะไร หรือบางท่านอาจยังมีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ วันนี้เราจึงได้รวบรวมและสรุปเกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ ค่าเสียหายเชิงลงโทษ มาฝากทุกท่านกัน

           ค่าเสียหายเชิงลงโทษ หรือที่เรียกว่า ค่าเสียหายเพื่อเป็นเยี่ยงอย่าง คือ ค่าเสียหายที่ถูกกำหนดขึ้นเพิ่มเติมจากค่าเสียหายที่แท้จริงที่ผู้ถูกกระทำละเมิดได้รับ โดยค่าเสียหายเชิงลงโทษนี้มีจุดมุ่งหมายก็เพื่อลงโทษผู้กระทำละเมิดให้เกิดความเข็ดหลาบไม่กระทำละเมิดอีก อีกทั้งยังเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้อื่นกล้าที่จะกระทำละเมิดในลักษณะเช่นเดียวกันในอนาคตอีกด้วย ค่าเสียหายเชิงลงโทษนี้ จึงมีขึ้นมาเพื่อคุ้มครองสิทธิและป้องปรามการกระทำละเมิดไม่ให้เกิดขึ้นอีกในภายภาคหน้า และค่าเสียหายเชิงลงโทษ จะมีการกำหนดค่าเสียหายเชิงลงโทษ โดยจะมุ่งพิจารณาถึงความชั่วร้ายของพฤติกรรมที่ผู้ทำละเมิดได้ทำลงไปมากกว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง

รู้หรือไม่ ? ค่าเสียหายเชิงลงโทษมีใช้ในหลายประเทศ

รู้หรือไม่ ? ค่าเสียหายเชิงลงโทษมีใช้ในหลายประเทศ

           ค่าเสียหายเชิงลงโทษนี้ได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในต่างประเทศ ล้วนเป็นประเทศที่ใช้ระบบกฎหมายจารีตประเพณี ค่าเสียหายเชิงลงโทษ ได้มีการบัญญัติไว้ในกฎหมายเป็นที่แรกโดยประเทศอังกฤษ จนต่อมาค่าเสียหายเชิงลงโทษนี้ก็ได้รับการยอมรับและได้ถูกใช้ในประเทศที่มีการใช้ระบบประมวลกฎหมายนั่นเอง

หลักค่าเสียหายเชิงลงโทษในประเทศไทย

           ในประเทศไทยได้มีการนำเอาหลักค่าเสียหายเชิงลงโทษมาใช้ โดยในช่วงแรกที่ได้นำค่าเสียหายเชิงลงโทษนี้เข้ามานั้นยังไม่เป็นที่ยอมรับเท่าที่ควร เนื่องจากประเทศไทยนั้นมีการใช้ระบบประมวลกฎหมาย ที่ยอมรับหลักการที่ว่า ผู้กระทำละเมิดต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายไม่เกินจำนวนความเสียหายที่แท้จริง ตามที่ผู้ถูกกระทำละเมิดได้รับความเสียหายเท่านั้น แม้ว่าตามกฎหมายไทยจะมองว่าการลงโทษผู้กระทำละเมิดเช่นนี้จะเป็นการสร้างความยุติธรรมให้แก่ผู้ถูกกระทำละเมิดได้ แต่ก็มีในบางกรณีที่มีพฤติการณ์ของการกระทำละเมิดมีความร้ายแรง หรือในบุคคลบางคนบางกรณีที่ผู้กระทำละเมิดจงใจที่จะกระทำละเมิดอย่างไม่มีความเกรงกลัวในกฎหมายไทย อีกทั้งยังไม่ใยดีต่อความเสียหายที่ผู้ถูกกระทำละเมิดได้รับ นอกจากนี้ในผู้กระทำละเมิดบางคนยังไม่หลาบจำต่อความเสียหายที่ตนเองกระทำ เนื่องจากค่าเสียหายที่ตนต้องรับผิดต่อผู้ถูกกระทำนั้นเสียน้อยกว่าประโยชน์ที่ตนเองได้รับ ด้วยเหตุนี้ประเทศไทยจึงได้มีการนำหลักค่าเสียหายเชิงลงโทษมาปรับใช้กับระบบกฎหมายไทย เนื่องจากเล็งเห็นถึงความสำคัญและสิทธิของผู้ที่ถูกกระทำละเมิดและหรือประชาชน และหลักค่าเสียหายเชิงลงโทษนี้ยังได้มีการนำมาปรับใช้และได้มีการนำมาบัญญัติไว้ในกฎหมายไทยหลายฉบับด้วยกัน อาทิ พระราชบัญญัติความลับทางการค้า พ.ศ.2545 , พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 , พระราชบัญญัติความผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย พ.ศ. 2551 , พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 , พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 และพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 เป็นต้น

ลักษณะสำคัญของค่าเสียหายเชิงลงโทษ  

           ค่าเสียหายเชิงลงโทษ มีลักษณะสำคัญด้วยกัน 4 ประการ ดังนี้

  1. ค่าเสียหายเชิงลงโทษ คือ ค่าเสียหายที่กำหนดขึ้นเพื่อเป็นบทลงโทษแก่ผู้กระทำละเมิด เป็นการป้องกันไม่ให้ผู้กระทำละเมิดกล้าที่จะกระทำละเมิดซ้ำอีก อีกทั้งยังเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้อื่นกล้ากระทำการละเมิดกับบุคคลอื่นเช่นเดียวกันในอนาคตอีกด้วย
  2. ค่าเสียหายเชิงลงโทษ สำหรับผู้ถูกกระทำละเมิดแล้วนั้น ผู้ถูกกระทำละเมิดไม่ต้องพิสูจน์ในส่วนจำนวนความเสียหาย เนื่องจากเป็นดุลพินิจของศาลที่กำหนดให้แล้วตามความเหมาะสม โดยศาลได้คำนึงถึงความร้ายแรงของการที่ผู้ถูกกระทำละเมิดถูกละเมิดแล้ว อีกทั้งยังได้มีการคำนึงถึงฐานะทางเศรษฐกิจของผู้กระทำเมิดด้วย
  3. ค่าเสียหายเชิงลงโทษ ความเสียหายที่ผู้ถูกกระทำละเมิดได้รับจากผู้กระทำละเมิดนั้น เป็นค่าเสียหายที่กำหนดเพิ่มเติมนอกเหนือจากค่าเสียหายที่แท้จริง โดยค่าเสียหายเชิงลงโทษนี้ศาลอาจกำหนดเพีนงอย่างเดียวก็ได้แม้ว่าจะไม่ปรากฏค่าเสียหายที่แท้จริง
  4. ค่าเสียหายเชิงลงโทษ นี้ ศาลจะมีการกำหนดให้ในเฉพาะกรณีที่มีพฤติการณ์การกระทำละเมิดร้ายแรงรุนแรง ลักษณะการกระทำเช่นเดียวกับคดีอาญา เช่น การทำร้ายร่างกาย การข่มขู่ การใช้กลฉ้อฉล ฯลฯ ซึ่งมุ่งหวังให้เกิดการกระทบกระเทือนจิตใจแก่ผู้ถูกกระทำละเมิด รวมไปถึงการทำให้อับอาย การถูกดูหมิ่นด้วยเช่นกัน

ข้อดีของค่าเสียหายเชิงลงโทษ

การนำหลักค่าเสียหายเชิงลงโทษมาปรับใช้กับระบบกฎหมายไทยนั้นมีข้อดี คือ การดำเนินคดีทางแพ่งมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากค่าเสียหายเชิงลงโทษได้ทำให้ผู้กระทำละเมิดได้รับบทลงโทษที่รุนแรงขึ้น ผู้กระทำละเมิดมีความเกรงใจกลัวในกฎหมายไทยมากขึ้น และการที่มีบทลงโทษคือค่าเสียหายเชิงลงโทษนี้ก็ได้ทำให้ผู้อื่นไม่กล้าที่จะกระทำละเมิดต่อผู้อื่นในอนาคตเนื่องด้วยเกรงกลัวต่อบทลงโทษนี้ นอกจากนี้การที่ประเทศไทยมีหลักค่าเสียหายเชิงลงโทษยังเป็นการทำให้การทำงานของภาครัฐอย่างเช่นนโยบายของรัฐมีสภาพบังคับ ทำให้สร้างความยุติธรรมเป็นธรรมให้แก่ประชาชนผู้ถูกละเมิดได้

ข้อเสียของค่าเสียหายเชิงลงโทษ

           สำหรับการที่ประเทศไทยได้นำเอาหลักของค่าเสียหายเชิงลงโทษมาปรับใช้ในกฎหมายไทยซึ่งก็ล้วนสร้างข้อดีและมีประโยชน์ต่อกฎหมายไทยเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังมีบางจุดที่หลักค่าเสียหายเชิงลงโทษยังมีข้อเสียอยู่ คือ การนำเอาหลักค่าเสียหายเชิงลงโทษมาปรับใช้อาจก่อให้เกิดความซ้ำซ้อนในการลงโทษผู้กระทำละเมิดได้ในกรณีที่การละเมิดนั้นมีการเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาด้วย อีกทั้งยังอาจเป็นช่องทางทำให้ผู้ถูกกระทำละเมิดรวมไปถึงทนายความอาจมีการแสวงหาผลประโยชน์จากคดีโดยทุจริตก็เป็นได้ รวมไปถึงการก่อให้เกิดผลเสียทางเศรษฐกิจได้ด้วยเช่นกันในกรณีที่ผู้กระทำละเมิดเป็นประเภทนิติบุคคล อย่างไรก็ตามการนำหลักค่าเสียหายเชิงลงโทษมาปรับใช้กับระบบกฎหมายไทยนั้น จำเป็นต้องมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน เหมาะสมกับพฤติการณ์การกระทำที่รุนแรง รวมไปถึงความเสียหายที่ได้เกิดขึ้นต่อผู้ถูกกระทำละเมิดด้วย เพื่อให้หลักของค่าเสียหายเชิงลงโทษเกิดประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลในทางปฏิบัติอย่างมากที่สุดต่อระบบกฎหมายไทย

           อ่านมาถึงตรงนี้สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ ของเราก็มุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ที่เข้ามาติดตามและเสพความรู้จากเว็บไซต์ของเราจะได้รับประโยชน์มากขึ้นและหวังว่าบทความของเราจะเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับเรื่องของ ค่าเสียหายเชิงลงโทษ มากขึ้นในอีกระดับแก่ผู้ที่ได้เข้ามาอ่านบทความนี้ เพราะความรู้ไม่มีที่สิ้นสุด เรียนรู้ไว้ก็ไม่เสียหายอะไรอีกทั้งยังเป็นการเพิ่มพูนความรู้อีกด้วย ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายก็เช่นเดียวกัน เพราะ “รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม” หากท่านใดต้องการปรึกษาเกี่ยวกับข้อกฎหมายใดสามารถติดต่อสำนักงานกฎหมายวงศกรณ์

Update กลโกงแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงิน 2024 ที่ต้องรู้ !

Update กลโกงแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงิน 2024 ที่ต้องรู้ !

          เดินทางข้ามปีมาถึงปี 2024 กันแล้ว แต่แก๊งมิจฉาชีพอย่างพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงิน ก็ยังทำพิษไม่เลิกรา เรียกได้ว่ากลุ่มแก๊งเหล่านี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะหายไปหรือลดน้อยลงจากประเทศไทยได้เลย และดูเหมือนว่าจะทวีคูณเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากยังมีคนไทยหลายคนที่หลงเชื่อและได้ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินอยู่เป็นจำนวนมากไม่เว้นแต่ละวัน วันนี้สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ของเรา จะมาอัปเดตภัยร้ายจากพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงิน เหล่านี้กันว่าปี 2024 แล้ว เหล่ามิจฉาชีพออนไลน์มีกลโกงใหม่ ๆ อะไรบ้าง และเราจะมีวิธีรับมือกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินพวกนี้ได้อย่างไร

อัปเดตกลโกงก่อนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงิน

อัปเดตกลโกงก่อนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงิน

          กลโกงใหม่ ๆ ของพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินนี้ เรียกได้ว่ามีอัปเดตมาตลอดจริง ๆ โดยเหล่ามิจฉาชีพพวกนี้มักจะหาลู่ทางเพื่อมาหลอกเอาเงินกับประชาชนตาดำ ๆ จนได้ แม้ว่าขณะนี้ในสังคมได้มีการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับกลโกงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินนี้อยู่ทุกวัน ๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้มิจฉาชีพพวกนี้ลดลง อีกทั้งยังมีคนหลงเชื่อและสูญเสียทรัพย์สินไปจำนวนมากอยู่ วันนี้เราจึงได้นำกลโกงใหม่ ๆ ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินที่เอามาหลอกลวงประชาชนหลงเชื่อให้โอนเงินไป จากข่าวดังที่กำลังเป็นกระแสในขณะนี้มาฝากกัน

แอบอ้างเป็นหน่วยงานทหาร

https://www.youtube.com/watch?v=h8yEiMUTQGc

          เป็นเรื่องราวของชายไทยวัย 40 คนหนึ่งถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกว่าเป็นทหารหญิงอเมริกัน หลอกว่าจะส่งเงินมาให้ สุดท้ายทำเอาชายผู้นี้สูญเงินกว่า 300,000 บาท โดยพฤติกรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้อ้างว่า เป็นทหารหญิงอเมริกันไปทำสงครามที่ซีเรียได้ยึดเงินจากกลุ่มกบฎที่ปล้นมาจากธนาคารจำนวน 6 ล้านดอลลาร์ แต่ไม่สามารถส่งเงินกลับเข้าประเทศของตัวเองได้ จึงจะขอส่งเงินมาที่ประเทศไทย พร้อมบอกว่าจะแบ่งเงินให้ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ส่งที่อยู่ไปให้ หลังจากนั้นมีพัสดุจากประเทศซีเรียมาส่ง และต้องจ่ายค่าธรรมเนียมจำนวน 35,500 บาท และมีเหตุให้ผู้เสียหายหาวิธีโอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วยความโลภอย่างต่อเนื่องจนหมดบัญชี  18 ครั้ง สูญเสียเงินไปทั้งสิ้น 320,500 บาท ด้วยกัน จากเหตุนี้ทำเอาผู้เสียหายและครอบครัวเดือดร้อนหนักและเป็นอุทาหรณ์อย่างมากสำหรับผู้ที่ยังไม่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงิน

ส่งลิงก์ผ่านข้อความ SMS อ้างเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า

          ข่าวนี้เป็นเรื่องราวของคุณยายวัย 81 ปี ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงิน ถูกดูดเงินในบัญชีร่วม 70,000 บาท โดยพฤติกรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คือ ส่ง SMS ข้อความพร้อมแนบลิงก์มาให้กด โดยข้อความระบุว่า เนื่องจากเจ้าหน้าที่การไฟฟ้ามีการจดเลขมิเตอร์ผิด ทำให้การชำระค่าไฟของคุณไม่สำเร็จ พร้อมลิงก์ให้กดเพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ คุณยายผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้กดไป แก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าและสอนให้ผู้เสียหายทำตามขั้นตอนทันที หลังจากนั้นไม่นานมารู้ตัวทีหลังว่ายอดเงินในบัญชีหายไปแล้วจำนวน 70,000 บาท ทำเอาผู้เสียหายถึงกับช็อค เพราะเงินในบัญชีสูญหายไปในเวลาอันรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกลโกงของพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงิน ก็ว่าได้ ซึ่งก็นับว่าเป็นกลวิธีที่แยบยลหากใครเผลอไปกดลิงก์แปลก ๆ ก็อาจทำให้สูญเสียเงินเป็นจำนวนมากได้

หลอกให้ลงทุน

          ในยุคสมัยเศรษฐกิจฝืดเคืองแบบนี้ แน่นอนว่าหลายคนคงหาลู่ทางเพื่อทำอาชีพเสริมกันไม่น้อย แต่ก็แน่นอนว่าอะไรที่ได้มาอย่างง่ายดายในที่ยุคที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินระบาดหนักแบบนี้นั้นเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมาก อย่างเคสนี้มีผู้เสียหาย 4 คน ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงิน ผ่านการเชิญชวนลงทุนเทรดหุ้นในเฟซบุ๊ก สูญเงินกว่า 20 ล้าน พฤติการณ์การหลอกเอาเงินโดยการให้เทรดหุ้นนี้ คือ เมื่อผู้เสียหายลงทุนในครั้งแรกก็จะได้กำไรคืนมา จึงลงทุนไปเรื่อย ๆ สุดท้ายถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินบล็อกช่องทางการติดต่อทันที กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็สูญเงินไปหลายล้านแล้ว เรียกได้ว่าอาชีพเสริมที่เล่นกับความโลภอยากได้เงินของคนแบบนี้ เป็นทางถนัดของพวกแก๊งมิจฉาชีพแบบนี้เลยทีเดียว หากไม่อยากตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินแนะนำว่าควรตรวจสอบขั้นตอนวิธีการดี ๆ หรือไม่ก็ควรหาอาชีพเสริมที่สุจริตได้เงินมาอย่างสมเหตุสมผลจะดีกว่า เพราะสมัยนี้มิจฉาชีพมีจำนวนมากพอสมควรเลยทีเดียว

ถูกหลอกให้โอนเงินไปแล้ว ควรรับมืออย่างไร?

ถูกหลอกให้โอนเงินไปแล้ว ควรรับมืออย่างไร?

          ความผิดพลาดมักเกิดขึ้นได้เสมอ และแน่นอนว่าสำหรับใครที่ตกเป็นเหยื่อของพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินเหล่านี้ไปแล้ว ไม่ว่าคุณจะถูกหลอกให้โอนเงิน สูญเสียเงินในบัญชีไปจะมากจะน้อย จงมีสติไว้เสมอและรวบรวมข้อมูล หรือหลักฐาน รวมไปถึงเอกสารทางการเงินต่าง ๆ หลังจากนั้นให้เข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที หรือถ้าไม่อยากรอนานในขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ  เราขอแนะนำให้ผู้เสียหายทุกท่านควรมีทนายความเพื่อดำเนินการทวงคืนเงินของคุณที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินไปจะดีกว่า

หากตกเป็นเหยื่อถูกหลอกต้องมีทนายความ สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ ยินดีให้บริการด้วยการดำเนินงานที่รวดเร็วและว่องไวตามขั้นตอน 

เมื่อเกิดปัญหาต้องมีที่ปรึกษากฎหมายไว้อุ่นใจที่สุด

เมื่อเกิดปัญหาต้องมีที่ปรึกษากฎหมายไว้อุ่นใจที่สุด

ที่ปรึกษากฎหมายคืออะไร ?

ที่ปรึกษากฎหมายคืออะไร

       ที่ปรึกษากฎหมาย คือ บุคคลผู้มีความรู้ความเข้าใจความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายเป็นอย่างดี เป็นบุคคลผู้ที่สามารถรับฟังปัญหาหรือคำปรึกษาจากผู้ที่ทุกข์ร้อนหรือมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจได้เป็นอย่างดี นอกจากที่ปรึกษากฎหมายจะเป็นผู้ที่ต้องรับฟังปัญหาจากผู้ที่เดือดร้อนได้แล้ว หน้าที่สำคัญของที่ปรึกษากฎหมายก็คือต้องสามารถให้คำปรึกษา คำแนะนำ และสามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อมูลข้อเท็จจริงของเรื่องที่ผู้เดือดร้อนปรึกษามาได้ โดยที่ปรึกษากฎหมายที่ดีควรจะต้องให้คำปรึกษารวมไปถึงแสดงทัศนคติ และแสดงความคิดเห็นให้คำแนะนำแนวทางเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของเรื่องนั้น ๆ ให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงของข้อกฎหมาย อีกทั้งที่ปรึกษากฎหมายที่ดีควรที่จะให้คำแนะนำ หรือการอธิบายขั้นตอนในการแก้ปัญหาตามข้อกฎหมายให้ผู้ที่มาปรึกษาเข้าใจได้ง่าย และรู้สึกว่าได้รับคำแนะนำอย่างจริงใจและตรงไปตรงมา เนื่องจากไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเข้าใจในกระบวนการดำเนินงานรวมไปถึงขั้นตอนทางกฎหมาย และต้องให้ผู้ที่มาปรึกษารู้สึกว่าการมีที่ปรึกษากฎหมายนั้นมีประโยชน์ต่อตัวเขามากที่สุด และเขาควรที่จะมีที่ปรึกษากฎหมายไว้สักหนึ่งคนเพื่อที่จะสามารถช่วยเหลือ และให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมายในภายภาคหน้าได้หากมีปัญหาใดเกิดขึ้นอีก

ที่ปรึกษากฎหมายจำเป็นต้องเป็นทนายความหรือไม่ ?

ที่ปรึกษากฎหมายจำเป็นต้องเป็นทนายความหรือไม่ ?

       เป็นอีกหนึ่งความสงสัยของผู้ที่ต้องการจะปรึกษาทางด้านกฎหมาย เพราะที่ปรึกษากฎหมายบางคน ไม่ได้เป็นทนายความ แต่บอกว่าเป็นที่ปรึกษากฎหมาย แบบนี้จะสามารถไปปรึกษาและรับฟังคำแนะนำจากบุคคลผู้นั้นได้หรือไม่

       คำตอบ คือ ที่ปรึกษากฎหมายอาจไม่ต้องเป็นทนายความก็ได้ เพราะที่ปรึกษากฎหมายก็เป็นอาชีพหนึ่ง ซึ่งบุคคลที่จะเป็นที่ปรึกษากฎหมายได้นั้น แน่นอนว่าก็ต้องมีความรู้ความเข้าใจในข้อกฎหมายเป็นอย่างดีอยู่แล้วอย่างแท้จริง ดังนั้น จึงสามารถมั่นใจได้ว่าปรึกษากฎหมายกับบุคลลที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายก็สามารถเชื่อและรับฟังคำแนะนำจากบุคคลนั้นได้แม้ว่าเขาไม่ได้เป็นทนายความก็ตาม ส่วน ทนายความ ก็เป็นอาชีพหนึ่งที่รับบริการทางด้านกฎหมายเช่นเดียวกัน สามารถเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับผู้ที่ต้องการจะปรึกษาได้ดีเหมือนกัน เพียงแต่ว่าทนายความจะมีความพิเศษกว่าที่ปรึกษากฎหมายทั่วไป เนื่องจากมีใบประกอบวิชาชีพที่สามารถว่าความในชั้นศาลได้นั่นเอง ดังนั้น ที่ปรึกษากฎหมายหากไม่ใช่ทนายความก็สามารถให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมายได้เช่นเดียวกัน

ทำไมต้องมีที่ปรึกษากฎหมาย ?

       ในหนึ่งวันสำหรับบางคนเรียกได้ว่ามีเป็นพันเรื่องราวก็ว่าได้ และกับบางคนต่างก็เจอปัญหาไม่ซ้ำในแต่ละวัน และแต่ละปัญหาที่เข้ามานั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่จะแก้ปัญหาได้ง่าย ๆ และผ่านไปได้ไว และถ้ายิ่งปัญหาที่ต้องเจอเป็นปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของกฎหมายด้วยแล้วนั้น หากใครไม่มีความรู้ความเข้าใจทางข้อกฎหมายเลยก็จะยิ่งเป็นเรื่องที่ลำบากและเดือดร้อนอย่างมาก เพราะไม่สามารถไปปรึกษาใครได้ หรือคนรอบตัวที่สามารถปรึกษาได้ก็อาจให้คำปรึกษาได้ไม่ถูกจุด หรือถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้น ที่ปรึกษากฎหมาย จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดขณะประสบปัญหาเรื่องกฎหมาย เพราะควรที่จะให้ทนายความหรือที่ปรึกษากฎหมายเป็นผู้ให้คำแนะนำ รับฟังปัญหาที่คุณเจอดีที่สุด นอกจากจะได้รับคำปรึกษาที่ถูกที่ควรแล้ว ที่สำคัญคือคุณไม่ต้องเผชิญปัญหาเพียงลำพังด้วย

ให้สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ เป็นที่ปรึกษากฎหมายที่ดีที่สุดของคุณ

        สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์  เราเป็นสำนักงานกฎหมายที่มีทนายความมืออาชีพหลายท่าน ที่สามารถเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้คุณได้ ไม่ว่าคุณจะประสบปัญหาเรื่องใด คดีความใด เรายินดีบริการและให้คำปรึกษาทางกฎหมายอย่างดีที่สุด ให้คุณได้รับบริการทางกฎหมายของเราอย่างเต็มรูปแบบ ที่ปรึกษากฎหมายที่พร้อมให้คำปรึกษาทุกด้านไม่ว่าจะคดีแพ่ง คดีอาญา ฯลฯ รวมไปถึงคดีความกับบริษัทประกันภัย ไม่ว่าจะรถชน ทรัพย์สินเสียหาย บาดเจ็บสาหัส เราสามารถให้คำปรึกษาได้ทุกเรื่องเกี่ยวกับกฎหมาย ดังนั้น เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ให้สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์เป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับคุณ เราพร้อมให้บริการทางกฎหมายกับคุณได้ทุกเรื่อง คลิก ติดต่อเรา

รู้ทันประกันภัย ไม่เสียเปรียบ อย่ากลัวที่จะ ติดต่อทนาย

รู้ทันประกันภัย ไม่เสียเปรียบ อย่ากลัวที่จะ ติดต่อทนาย

          ผู้เสียหายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งแรก ด้วยความที่เป็นครั้งแรก และยังไม่เคยเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์มาก่อน หลังเกิดอุบัติเหตุ 90% ก็มักจะทำตัวไม่ถูกอย่างแน่นอนว่าต้องทำอย่างไรต่อไป หรือควรจะเชื่อและทำตามคำบอกของประกันภัยดี ควรขอคำแนะนำจากญาติ จากคนรู้จัก หรือเพื่อน ซึ่งบรรดาคนเหล่านี้ไม่ต่างอะไรกับ “ทะแนะ” สักเท่าไร เพราะแต่ละคนก็ไม่ได้เป็นผู้รู้จริงและพากันให้คำแนะนำกันไปต่าง ๆ นานา ว่าควรทำอย่างนี้สิ อย่างนั้นสิ  ต้องไปแจ้งที่นั่นสิ ติดต่อที่นู่นดูสิ  ฯลฯ คำว่า “ติดต่อทนาย” คงไม่มีในความคิด เพราะกลัวและไม่กล้าที่จะติดต่อทนาย คิดว่าสามารถจัดการเองได้ และทำตามคำแนะนำของผู้ที่เคยมีประสบการณ์มาก่อนเรื่องราวคดีความคงจะผ่านไปได้ด้วยดีเช่นคนอื่น จึงไม่คิดที่จะติดต่อทนายเข้ามา

          มีผู้เสียหายหลายท่านที่ได้ติดต่อทนายเข้ามาหลังจากที่ดันหลงผิดไปทำตามคำแนะนำของผู้อื่นมาแล้ว ต่างก็ล้วนมีปัญหาตามมาจากการที่ไปทำตามคำแนะนำของเหล่าทะแนะกันจำนวนมาก แน่นอนว่าหากหลงเชื่อใครคนใดคนหนึ่งไปแล้วเป็นคำแนะนำที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากประสบการณ์ ความรู้ ความเข้าใจของแต่ละคนก็มีไม่เท่ากัน สุดท้ายแล้วก็เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา และปัญหาเดิมก็ไม่สามารถแก้ให้จบสิ้นไปได้ คดีก็ไม่มีความคืบหน้า เพราะไม่ยอมมาติดต่อทนายตั้งแต่แรกที่เกิดอุบัติเหตุ แล้วเมื่อพอไปเดินเรื่องเอง ติดต่อหน่วยงานเองจากการไปเชื่อทะแนะผู้รู้ไม่จริง หรือคนอื่น ๆ เมื่อมาคิดได้ว่าต้องติดต่อทนาย คราวนี้ผู้เสียหายก็จะเริ่มรู้สึกว่าที่ผ่านมาเสียเวลาไปเยอะพอสมควรแล้ว 

รีบปรึกษาทนายอย่ารอช้า เพื่อป้องกันการถูก “ประกันภัย” เอาเปรียบ

รู้ทันประกันภัย ไม่เสียหาย อย่ากลัวที่จะปรึกษาทนาย-2

          อย่างที่กล่าวไปในหัวข้อด้านบนว่าเวลาเกิดอุบัติเหตุครั้งแรก อย่าทำตัวไม่ถูก ที่สำคัญอย่ากลัวที่จะติดต่อทนาย เพราะไม่เช่นนั้นการที่ไปเชื่อผู้อื่นบางทีนอกจากจะไม่ได้ทำให้เรื่องราวผ่านไปได้อย่างสวยงามแล้ว ในภายหลังอาจสร้างปัญหาตามมาอย่างที่คุณไม่คาดคิดก็เป็นได้ วันนี้สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ดำเนินกิจการโดยทนายอาร์ม ทนายความมืออาชีพด้านกฎหมายและการประกันภัยรถยนต์ มีเหตุผลดี ๆ มาบอกสำหรับใครที่ยังไม่เคยเกิดอุบัติเหตุเลย หรือสำหรับใครที่เคยเกิดอุบัติเหตุแล้วก็สามารถมาอ่านความรู้ดี ๆ จากเราเพื่อรู้ไว้เป็นความรู้ และเพื่อเตือนใจว่าหากคราวหน้ามีเหตุให้ต้องเกิดอุบัติเหตุก็อย่ารอช้าที่จะติดต่อทนาย

ข้อเสียของการไม่รีบติดต่อทนายหลังเกิดอุบัติเหตุ

  • ถูกประกันภัยเอาเปรียบได้ง่าย

          เกิดอุบัติเหตุครั้งแรกแน่นอนว่าความกลัว ความประหม่า ความไม่มั่นใจ ความทำตัวไม่ถูกมีเกิดอยู่แล้วเป็นธรรมดาและปกติมาก ๆ สำหรับมนุษย์ทั่วไป แต่คุณรู้หรือไม่ว่าเมื่อใดที่คุณแสดงอาการเหล่านั้นออกไป ไม่ว่าจะความกลัว ความไม่รู้ก็แล้วแต่ จะทำให้คุณเกิดความเชื่อในคำแนะนำของผู้อื่น ๆ ได้ง่าย เมื่อคุณได้เจอเข้ากับบริษัทประกันภัย หากเขาพูดสิ่งใดมา หรือให้คุณทำอะไร คุณก็จะพร้อมที่จะเชื่อ และทำตามโดยไม่ขัดขืน ก็จะยิ่งเข้าทางประกันทันที แล้วหลังจากนั้นความเดือดร้อนก็จะตามมาอย่างที่คุณไม่รู้ตัว หรือเมื่อมารู้ตัวในภายหลังว่าเริ่มมีบางอย่างที่ไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นกับตัวคุณ ถึงตอนนั้นคุณก็จะเริ่มต้องการติดต่อทนายแล้ว

  • เสียเวลา/เสียสุขภาพจิต

          เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ผู้เสียหายที่เคยติดต่อทนายให้ทำคดีความให้ คือเมื่อไปทำตามคนอื่นบอกมาว่าต้องไปติดต่อหน่วยงานที่นั่นที่นี่เอง แล้วทุกอย่างต้องใช้เวลา การที่คุณไปเดินเรื่องเอง ทำอะไรเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ก็ไม่รู้ว่าไปถูกทางหรือไม่ จะตอบโจทย์กับสิ่งที่คุณต้องการหรือไม่นั้น กว่าจะรู้ว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดก็ยังไม่ทำให้คุณได้รับความเป็นธรรมได้รับค่าเสียหายอยู่ดี พอคุณมารู้ทีหลังหลังจากติดต่อทนายก็จะเกิดความรู้สึกว่าเสียเวลา ที่ทำมาทั้งหมดสูญเปล่า แล้วกว่าจะผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ก็คงทำให้คุณเสียสุขภาพจิตไปไม่น้อยทางที่ดีต้องติดต่อทนายให้ไวที่สุด

  • อาจมีปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้อีก

          อย่างที่กล่าวไปใน 2 ข้อแรกนั้น ข้อเสียอีกหนึ่งข้อที่ต้องมีแน่ ๆ หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุแล้วกลัวที่จะติดต่อทนาย ก็คือปัญหาที่ตามมามีแน่นอน 100% แล้ววิธีการแก้ปัญหาก็เป็นสิ่งสำคัญ เมื่อเกิดปัญหา แล้วแก้ปัญหาไม่ถูกจุดก็ไม่ทำให้คุณได้รับค่าเสียหายได้ไวกว่าเดิม หนำซ้ำยังเป็นการขยายระยะเวลาไปอีก และทำให้คุณไม่ได้รับความเป็นธรรมในที่สุด ติดต่อทนายคือตัวเลือกที่ดีที่สุด และอย่าตัดสินใจติดต่อทนายตอนที่ถูกเอาเปรียบไปมากแล้ว ทางออกที่ดีที่สุดคือติดต่อทนายไว้เป็นอันดับแรก

  • เมื่อมาติดต่อทนายภายหลัง เรื่องอาจยากขึ้น

           เมื่อคุณคิดได้ในภายหลังว่าควรติดต่อทนายตั้งแต่แรกที่เกิดอุบัติเหตุ คุณก็เสียเวลาเสียสุขภาพจิตไปมากพอสมควรแล้ว และการที่ไปทำตามคำแนะนำของทะแนะ ไม่ยอมติดต่อทนายก็ยิ่งสร้างปัญหาตามมาในภายหลัง บางทีอาจะส่งผลให้คดีความไม่จบง่าย ๆ เมื่อมาติดต่อทนายถึงมือทนายก็อาจเป็นเรื่องที่ยากขึ้น เพราะเรื่องได้มีการดำเนินการไปแล้ว และยิ่งไปทำดำเนินการเองในวิธีที่ไม่ถูกทางก็จะยิ่งเป็นการสร้างภาระให้กับทนายในภายหลังด้วย อย่างที่กล่าวไปติดต่อทนายให้ไวเป็นเรื่องที่ควรทำที่สุดหลังเกิดอุบัติเหตุ หากติดต่อทนายไวการได้รับความเป็นธรรมหรือค่าเสียหายก็จะไวด้วย อีกทั้งยังไม่ต้องตกเป็นเหยื่อเสียรู้ประกันภัยอีก

          หลังเกิดอุบัติเหตุอย่ากลัวที่จะติดต่อทนา เพื่อป้องกันการถูกประกันภัยเอาเปรียบเกิดอุบัติเหตุครั้งแรกในชีวิต อย่ากลัว และอย่าเพิ่งหลงเชื่อทะแนะผู้รู้ไม่จริง เข้าใจไม่จริง ทางที่ดีหลังเกิดอุบัติเหตุทันทีควรรีบปรึกษา “ทนายความ” ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย สามารถใช้วิชาชีพในการให้คำปรึกษาและแก้ปัญหาให้คุณได้ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ถูกเอาเปรียบจากบริษัทประกันภัยหรือคู่กรณี ที่คุณอาจรู้ไม่เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของพวกเขา อย่าเพิกเฉย หรือเชื่อคำพูด #ทะแนะ มากกว่า #ทนาย ผู้รู้กฎหมาย ติดต่อทนายไวที่สุดเป็นเรื่องที่ควรทำ

จำเป็นหรือไม่ที่ต้องมีคนรู้เรื่องกฎหมาย ไปเจรจาที่สถานีตำรวจด้วย ?

จำเป็นหรือไม่ที่ต้องมีคนรู้เรื่องกฎหมาย ไปเจรจาที่สถานีตำรวจด้วย ?

วันนี้สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์กับทนายอาร์ม มีเกล็ดความรู้ที่ต้องรู้ไว้ เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเองมาฝากทุกท่านกันอีกเช่นเคย เกี่ยวกับเรื่องที่ว่า จำเป็นหรือไม่ที่ต้องมีคนรู้เรื่องกฎหมาย ไปเจรจาที่สถานีตำรวจด้วย เรียกได้ว่าเป็นคำถามที่หลายคนน่าจะอยากรู้อย่างแน่นอน เพราะบางท่านคงอยากรู้กันว่าเมื่อมีเหตุการณ์ที่จะต้องไปสถานีตำรวจ หรือเกิดอุบัติเหตุแล้วต้องมีการไปเจรจาค่าเสียหายที่สถานีตำรวจ เราจำเป็นที่จะต้องมี ทนายความ หรือผู้รู้เทคนิคทางกฎหมายไปร่วมเจรจาด้วยหรือไม่

ผู้เสียหายทักปรึกษาสงสัยจำเป็นต้องมีทนายไปร่วมเจรจาด้วยหรือไม่ ?

จำเป็นต้องมี ทนาย ไปร่วมเจรจาด้วยหรือไม่?

โดยต้นตอของการมาให้ความรู้ของทนายอาร์มในครั้งนี้ก็คือเรื่องมีอยู่ว่าวันหนึ่ง ทนายอาร์มได้รับคำปรึกษาจากผู้เสียหายท่านหนึ่งทักข้อความมาปรึกษาในช่องทางเฟซบุ๊กแฟนเพจของสำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ว่า เขาเกิดอุบัติเหตุและจะไปเจรจาค่าเสียหายกับบริษัทประกันภัยที่สถานีตำรวจแห่งหนึ่ง จึงต้องการจ้างทนายความผู้รู้กฎหมายไปร่วมเจรจาค่าเสียหายด้วย ตรงนี้จึงเป็นที่มาของบทความนี้ว่า จำเป็นหรือไม่ที่ต้องมีคนรู้เรื่องกฎหมาย ไปเจรจาในสถานีตำรวจด้วย และวันนี้ทนายอาร์มจะมาให้ความรู้กับมุมมองชวนคิดกันว่าจำเป็นหรือไม่

          หลายคนคงอยากรู้ว่าจริง ๆ แล้วนั้นคำตอบของคำถามนี้นั้น จำเป็นหรือไม่ ในความเห็นส่วนตัวของทนายอาร์มมองว่า ไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น คือเมื่อเราไปเจรจาที่สถานีตำรวจนั้น มีเหตุผลที่ไม่จำเป็น เนื่องจากตัวของบริษัทประกันภัยเองจะเพียงแค่รับเรื่องไปเสนอที่บริษัทเท่านั้นเอง ไม่ได้ทำให้ผู้เสียหายได้ประโยชน์อะไรจากการไปเจรจาที่สถานีตำรวจเท่าไรนัก หรือเรียกได้ว่าไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลยก็ว่าได้ ในการประกอบกิจการบริการธุรกิจสำนักงานทนายความของทนายอาร์ม จากประสบการณ์การดำเนินกิจการมามากกว่า 10 ปีแล้ว ที่ผ่านมาทนายอาร์มไม่เคย หรือต้องเน้นที่จะต้องไปเจรจาที่สถานีตำรวจ เพราะมองว่าไม่มีประโยชน์ทั้งตัวผู้เสียหายเองและตัวทนายเอง ที่สำคัญเลยคือผู้เสียหายไม่ได้รับประโยชน์อะไรกับการไปเจรจาที่สถานีตำรวจ

ไม่จำเป็นต้องเอาทนายไปร่วมเจรจา แต่ถ้าไม่อยากถูกเอาเปรียบต้องจ้างทนาย

การที่ต้องการเอาทนายความหรือผู้รู้เทคนิคทางกฎหมายไปเจรจาที่สถานีตำรวจ สรุปคือเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นอย่างมาก แต่ถ้าเมื่อไรเราเห็นว่าถูกเอาเปรียบ หรือรู้สึกว่าจะถูกบริษัทประกันภัยเอาเปรียบ ไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือไม่ได้ประโยชน์ ควรและจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตั้งทนาย หรือมีทนายความไว้ทันที และทนายจะเป็นผู้กำหนดแนวทางการทำคดีให้เอง เนื่องจากผู้เสียหายหลายท่านอาจจะไม่มีความรู้ความเข้าใจในเทคนิคทางกฎหมาย เพราะฉะนั้นแล้วเราจึงต้องให้ทนายเป็นคนวางแผนคดี และดำเนินคดีให้ เราเป็นเพียงแค่ผู้เสียหายไม่จำเป็นต้องวางแผนคดีแทนทนาย ข้อสำคัญอย่างยิ่งของการมีทนายความคือเพื่อให้ผู้เสียหายไม่เสียรู้ต่อบริษัทประกันภัย อีกทั้งการมีทนายยังทำให้เรารู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของบริษัทประกันภัยเพิ่มมากขึ้นด้วย อย่ารอให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อของบริษัทประกันภัย อย่ารอให้ถูกเอาเปรียบ หากเกิดอุบัติเหตุควรรีบติดต่อทนายทันที และมีทนายไว้ทำคดีดีที่สุด เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเอง ปรึกษาทนายความคลิก สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์

ประกันภัยรถยนต์ทำไมต้องมี มีแล้วดีอย่างไร by โปรเด็ดประกันภัย

ประกันภัยรถยนต์ทำไมต้องมี มีแล้วดีอย่างไร by โปรเด็ดประกันภัย

อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่ผู้ใช้รถใช้ถนนทุกท่านก็ไม่สามารถห้าม หรือควบคุมอุบัติเหตุไม่ให้เกิดขึ้นได้ แม้ว่าจะขับขี่กันอย่างระมัดระวังและมีสติแล้ว แต่อุบัติเหตุก็สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เช่น เราไม่ชนเขา เขาก็ชนเรา หรือเหตุการณ์อื่น ๆ ที่ไม่คาดคิดบนท้องถนน ประกันวินาศภัยหรือประกันภัยรถยนต์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยคุณได้ดีในเวลาที่คุณเกิดอุบัติเหตุ แน่นอนว่าจะเป็นสิ่งแรกที่คุณนึกถึงอย่างแน่นอน สำหรับใครที่กำลังมองว่าประกันภัยรถยนต์นั้นไม่สำคัญ ต้องห้ามพลาดความรู้ดี ๆ ความสำคัญ และประโยชน์ของประกันภัยรถยนต์กัน

ประกันภัยรถยนต์คืออะไร ?

        การประกันภัย หมายถึง การบริหารความเสี่ยงภัยวิธีหนึ่ง ซึ่งจะโอนความเสี่ยภัยของเจ้าของรถหรือผู้เอาประกันภัยไปสู่บริษัทประกันภัย เมื่อใดที่เกิดความเสียหายต่อตัวรถขึ้น บริษัทประกันภัยก็จะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามที่ได้รับความคุ้มครองในกรมธรรม์ประกันภัยนั่นเอง โดยที่เจ้าของรถหรือผู้เอาประกันภัยจะต้องจ่ายเบี้ยประกันให้บริษัทประกันภัยตามจำนวนและระยะเวลาที่ได้ตกลงกันตามสัญญา เป็นการวางแผนป้องกันความเสี่ยงในอนาคตอย่างหนึ่ง

       ประกันภัยรถยนต์  คือ ข้อตกลงร่วมกันระหว่างบริษัทประกันภัยรถยนต์กับบุคคลหรือผู้บริโภค เมื่อหลังจากเซ็นสัญญาทำประกันแล้ว บริษัทประกันภัยรถยนต์จะต้องให้ความคุ้มครองต่อรถยนต์จากการสูญหาย หรือ ความเสียหายจากกรณีที่เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยการทำประกันภัยรถยนต์นั้นก็เพื่อที่จะคุ้มครองความเสียหายหรือสูญเสียอันเกิดจากการใช้รถ อาทิ รถบุบสลาย หรือสูญหาย นอกจากนี้ความเสียหายหรือความสูญเสียที่ก่อให้เกิดขึ้นแก่ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน ของบุคคลภายนอก รวมทั้งบุคคลที่โดยสารอยู่ในรถยนต์นั้นด้วย

ประกันภัยรถยนต์มีกี่ประเภท ?

       ประกันภัยรถยนต์ในไทยมีด้วยกันทั้งหมด 5 ประเภท ตามกฎหมายรถทุกคันจำเป็นต้องมี พ.ร.บ. เมื่อต่อทะเบียนรถ แต่พ.ร.บ. นั้นคุ้มครองเฉพาะค่ารักษาพยาบาลคนเจ็บเท่านั้น เจ้าของรถจึงควรต้องทำประกันภัยรถยนต์ชั้นอื่น ๆ เพิ่มไว้ด้วย เพื่อคุ้มครองรถและทรัพย์สินเพิ่มทั้งของเราและของคู่กรณีด้วย โดยประกันชั้นต่าง ๆ ที่เลือกได้ทำเพิ่มได้มีดังนี้

ประกันภัยชั้น 1

       ประกันชั้น 1 นี้จะคุ้มครองทุกอย่าง ซื้อไว้รับรองว่าอุ่นใจแน่นอน

ประกันภัยชั้น 2+

       ประกันชั้นนี้จะซ่อมทั้งรถเราและรถของคู่กรณี  (ในกรณีรถชนรถเท่านั้น) นอกจากนั้นการคุ้มครองอื่น ๆ จะเหมือนกับประกันชั้น 1

ประกันภัยชั้น 3+

       ประกันชั้น 3+ นี้จะซ่อมทั้งรถเราและรถของคู่กรณี  (ในกรณีรถชนรถเท่านั้น) แต่ไม่มีการคุ้มครองในส่วนรถสูญหาย ไฟไหม้ หรือภัยธรรมชาติ

ประกันภัยชั้น 3

       ประกันชั้นนี้เคลมรถของคู่กรณีเท่านั้น แต่จะเคลมรถเราไม่ได้ และไม่มีการคุ้มครองในส่วนรถสูญหาย ไฟไหม้ หรือภัยธรรมชาติ

ถ้าเกิดอุบัติเหตุรถชนรถขึ้นมา เมื่อรถเราไปชนเข้ากับรถคนอื่นประกันภัยแต่ละชั้นจะคุ้มครองดังนี้

       ประกันภัยรถยนต์สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เป็นสิ่งที่จะมีแต่ประโยชน์และข้อดในวันที่คุณเกิดปัญหาเกิดอุบัติเหตุประกันภัยจะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คุณจะนึกถึง วันนี้จึงพามาแนะนำประกันภัยว่าควระทำแบบไหน ชั้นไหนดีถึงจะตอบโจทย์คุณได้มากที่สุด

พ.ร.บ. = จะคุ้มครองเพียงค่ารักษาพยาบาลคนเจ็บเท่านั้น

ประกันภัยชั้น 1 = คุ้มครองครอบคลุมทุกกรณี

ประกันภัยชั้น 2+ = คุ้มครองเพราะครอบคลุมรถชนรถ สามารถเคลมได้ทั้งรถเราและรถคู่กรณี

ประกันภัยชั้น 3+ = คุ้มครองเพราะครอบคลุมรถชนรถ สามารถเคลมได้ทั้งรถเราและรถคู่กรณี

ประกันภัยชั้น 3 = เนื่องจากเราไปชนเขาเท่ากับว่าเราเป็นฝ่ายผิด จะเคลมรถเราไม่ได้ แต่จะสามารถเคลมรถคู่กรณีได้เท่านั้น

        และถ้ากรณีที่รถเราโดนชน เราเป็นฝ่ายถูก บริษัทประกันจะคุยกับคู่กรณีให้เอง โดยประกันทุกชั้นคู่กรณีเป็นผู้จ่ายค่าเสียหายให้ หากรถเราถูกชนแล้วหนี ไม่ว่าประกันชั้นไหนก็ตามหากเรามีหลักฐานชัดเจนสามารถแจ้งทะเบียนรถของคู่กรณีได้ให้แจ้งความและโทรแจ้งประกันเพื่อดำเนินการรับใบเคลมและรับความคุ้มครองได้ทันที

 ประกันภัยรถยนต์สำคัญอย่างไร จำเป็นต้องทำหรือไม่ ?

        หากหลายท่านยังมองภาพไม่ออกว่าประกันภัยรถยนต์สำคัญมากน้อยแค่ไหน วันนี้พาทุกท่านมาทำความเข้าใจกันว่าหากรถของเราตกอยู่ในสถานการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ ประกันภัยสำคัญหรือไม่ และประกันชั้นไหนคุ้มครองสถานการณ์ไหนบ้าง

 -หากรถของเราไปชนอย่างอื่นที่ไม่ใช่รถ ประกันจะคุ้มครองเพียงประกันชั้น 1 เท่านั้น

-หากรถเจอน้ำท่วมหรือภัยธรรมชาติ ถ้ามีประกันชั้น 1 หรือ 2+ ประกันจะคุ้มครอง

-ในกรณีที่รถสูญหาย มีเพียงประกันชั้น 1 และ 2+ เท่านั้นที่คุ้มครอง

-ในกรณีที่รถไฟไหม้ มีเพียงประกันชั้น 1  และ 2+ เท่านั้นที่คุ้มครองเช่นกัน

เรียกได้ว่าแต่ละสถานการณ์มีสิทธิ์และอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาก็ว่าได้ ดังนั้น ถ้าหากใครกำลังคิดว่าประกันภัยรถยนต์ไม่สำคัญ ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ ให้ลองนึกถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับรถของคุณดู และเมื่อถึงเวลานั้นจริง ๆ คุณจะทำอย่างไรต่อไปหากไม่มีประกันภัย อย่าปล่อยให้รถไม่มีประกันและควรทำประกันเพิ่มเพื่อตัวคุณและคนรอบข้าง สิ่งดี ๆ ที่ตัวคุณเลือกได้เองกับประกันภัยโปรโมชั่นดี ๆ ต้องที่ >>>โปรเด็ดประกันภัย เท่านั้น

5   ข้อดีของประกันภัยรถยนต์ สิ่งดี ๆ ที่ตัวคุณเลือกเองได้

  1. อุ่นใจทั้งเราและคู่กรณี

หากวันหนึ่งคุณเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดบนท้องถนนขึ้นมา อย่างน้อยถ้าเรามีประกันภัยก็สามารถอุ่นใจได้ว่าประกันจะช่วยเราแน่นอน เช่น ค่าซ่อมทั้งเราและคู่กรณี โดยที่เราไม่ต้องสำรองจ่ายไปก่อนอีกด้วย

  1. อุ่นใจอีกขั้นไม่ต้องสำรองค่ารักษาพยาบาลเอง

หากเกิดอุบัติเหตุแล้วมีผู้ได้รับบาดเจ็บขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นเราหรือคู่กรณีก็ตาม ประกันภัยจะช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลให้ตามวงเงิน เรียกได้ว่าสามารถช่วยแบ่งเบาภาระไปได้มากและอุ่นใจแน่นอนหากมีประกันไว้

  1. ประกันภัยพร้อมเคียงข้างช่วยเหลือ 24 ชม.

หากเกิดอุบัติเหตุสามารถขอความช่วยเหลือประกันได้ตลอด 24 ชม. พร้อมเคียงข้างคุณในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเวลาไหน จังหวัดใด ก็ครอบคลุมทุกพื้นที่เพื่อไปดูแลและช่วยเหลือคุณ

  1. คุ้มครองอย่างครอบคลุม สบายใจได้

ไม่ว่าจะกรณีใด ทั้งรถหาย เกิดเหตุไฟไฟม้ รวมไปถึงน้ำท่วม หากมีประกันภัยก็อุ่นใจได้ทันที เพราะจะได้รับเงินชดเชยตามความคุ้มครองของกรมธรรม์ แต่ไม่ครอบคลุมความเสียหายของทรัพย์สินเท่านั้น

  1. รอรถซ่อมก็มีรถให้ใช้ ไม่ต้องลำบาก

หากเกิดอุบัติเหตุแล้วรถเข้าอู่ซ่อมอยู่ หลังจากนั้นไม่ต้องกังวลเลยว่าคุณจะไม่มีรถใช้ หากมีประกันภัยรถยนต์ ระหว่างรอรถซ่อมคุณก็จะมีรถใช้ไม่ต้องเดือดร้อนเรื่องรถแน่นอน หรือถ้าหากไม่ต้องการรถใช้ระหว่างรอซ่อมก็สามารถเลือกเป็นค่าเดินทาง หรือไม่ก็ค่าน้ำมันชดเชยได้อีกด้วย สะดวกและสบายสุด ๆ เพียงแค่มีประกันภัย

        ประกันภัยรถยนต์สิ่งดี ๆ ที่คุณไม่ควรมองข้าม เพราะเมื่อทำไว้แล้วไม่เสียเปล่าอย่างแน่นอน เพราะคุณจะได้รับประโยชน์อย่างที่คุณไม่คาดคิดว่าจะได้ ทั้งอุ่นใจ ปลอดภัย สะดวกสบาย สบายใจทั้งตัวคุณและคู่กรณี เพราะอุบัติเหตุเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา อย่าชะล่าใจ ขับรถเก่งแค่ไหนก็สามารถเกิดอุบัติเหตุได้ ทำไว้ดีกว่าแก้ไขในวันที่สายไป ประกันภัยรถยนต์ราคาดีกับโปรโมชั่นโดน ๆ ต้องที่ โปรเด็ดประกันภัย

สำนักงานประกันวินาศภัย ศุภสิทธิ์ ศิริ

ภัยร้ายออนไลน์ คอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกให้กดลิงก์ ถูกดูดเงินหมดบัญชี

ภัยร้ายออนไลน์ คอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพ

ทนายอาร์มเห็นว่าไม่นิ่งนอนใจ ได้มีคำพิพากษาศาลฎีกาเคยตัดสินให้ผู้รับฝากทรัพย์เป็นฝ่ายต้องผิด (ธนาคารด้วย) ฉะนั้นแล้วอย่าเพียงแค่ไปแจ้งความปล่อยให้คดีขาดอายุความไปเฉย ๆ รีบดำเนินการเอาเงินคืนด่วน ! ด่วน ! ด่วน !

แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือ คอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพ คือ มิจฉาชีพรูปแบบใหม่เป็นภัยร้ายออนไลน์ที่แทรกซึมเข้ามาในประเทศไทยระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งหลาย ๆ ท่านน่าจะคุ้นเคย หรือคุ้นหูเกี่ยวกับวีรกรรมต่าง ๆ ของคอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพ ที่สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจเกี่ยวกับมิจฉาชีพจอมหลอกลวงรูปแบบนี้เป็นอย่างดี และเชื่อว่าคงมีหลายคนไม่น้อยเลยที่หลงไปเชื่อพวกกลโกงของคอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพ หลอกลวงให้เสียหายไปชนิดที่เรียกว่าหนักหนาสาหัสก็ว่าได้  โดยกลโกง หรือกลวิธีที่กลุ่มคอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพเหล่านี้มักนำมาหลอกลวงเหยื่อก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว และยิ่งนานวันเข้าเหล่าพวกมิจฉาชีพนี้ก็หนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน สร้างความเสียหายสาหัสถึงขั้น หลอกให้กดลิงก์ เพื่อดูดเงินในบัญชีของผู้เสียหายไปจนหมดเกลี้ยงก็มีมาแล้ว

เตือนภัย พฤติการณ์ของวายร้าย คอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพ

กลุ่มบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นคอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพประเภทนี้  มักจะมีพฤติการณ์การหลอกลวงเหยื่อในรูปแบบต่าง ๆ ผ่านเครื่องมือสื่อสารอย่างโทรศัพท์มือถือ หรือผ่านระบบอินเทอร์เน็ตเป็นส่วนใหญ่ โดยมีพฤติการณ์ที่แตกต่างกันออกไป และดูเหมือนว่ากลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพเหล่านี้มักจะมีรูปแบบหรือพฤติการณ์อันแปลกใหม่ออกมา เพื่อใช้เป็นกลอุบายหลอกลวงเอาเงินเหยื่ออยู่เสมอ ๆ โดยพฤติการณ์การหลอกลวงเหยื่ออย่างผู้เสียหายให้หลงเชื่อมักมีดังนี้

คอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพ

คอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพ คือ มิจฉาชีพที่มาในรูปแบบของพนักงานคอลเซ็นเตอร์นั่นเอง พฤติการณ์จะเป็นในลักษณะทำทีเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ เป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ บางครั้งทำทีเป็นข้อความเสียงแบบอัตโนมัติ โทรเข้ามาเพื่อให้กดปุ่มติดต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งก็คือพวกแก๊งมิจฉาชีพเอง โดยพวกนี้จะมีเรื่องราวที่นำมาหลอกเอาเงินกับผู้เสียหายได้หลายเรื่องและทำให้ผู้เสียหายเชื่อจนสนิทใจ

ทำเนียนเป็นรู้จัก

นอกจากคอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพ เหล่านี้มักจะชอบทำตัวเป็น คอลเซ็นเตอร์แล้ว ยังมักจะมาในรูปแบบทำเนียนเป็นคนรู้จัก มาขอหยิบยืมเงิน หรือบางครั้งมักแอบอ้างเป็นบุคคลในครอบครัว เช่น ลูก พ่อ แม่ ส่วนใหญ่อ้างเรื่องที่เกี่ยวกับความเดือดร้อนของคนนั้น ๆ เพื่อมาหลอกให้โอนเงินไปทันที และกลนี้ก็ทำให้มีผู้หลงเชื่อไปหลายคนเลยทีเดียว

ข้อความ SMS ปลอมหลอกให้กดลิงก์

คอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพ พวกนี้มักส่งข้อความผ่าน SMS มา ส่วนใหญ่เป็นในเชิงว่า “คุณเป็นผู้โชคดีได้รับรางวัลต่าง ๆ” หรือ “คุณได้รับเงินรางวัล” ฯลฯ และส่งลิงก์มาให้คุณกดเข้าไป ผู้เสียหายบางคนเคยถูก หลอกให้กดลิงก์ แล้วถูกดูดเงินในบัญชีธนาคารหายไปจนขึ้นโรงขึ้นศาลกันมานักต่อนักแล้ว

                   ตัวอย่างที่นำเสนอไปในขั้นต้น ภัยร้ายคอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพ ในรูปแบบออนไลน์ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนหรือชาวบ้านผู้ไม่รู้ไปเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะในรูปแบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือมิจฉาชีพที่มาในรูปแบบคนรู้จัก ฯลฯ
 คอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพ ต่างก็ส่งผลให้กับผู้เสียหายที่หลงเชื่อไปไม่น้อย บางคนเสียหายมาก บางคนเสียหายน้อย หรือแม้แต่บางคนยังล้มละลายหมดตัวไปเลยถึงขั้นต้องจบชีวิตตัวเองลงก็มีเป็นกรณีตัวอย่างให้เห็นไม่น้อย เรียกได้ว่าในยุคสมัยแบบนี้ไว้ใจ หรือเชื่อใจใครไม่ได้เลย อย่างกรณีต่อไปนี้ ทนายอาร์ม จะขอมาแนะเตือนภัยเกี่ยวกับผู้เสียหายคนหนึ่งที่ถูกหลอกให้กดลิงก์ และหลังจากที่กดลิงก์ไปแล้วก็ได้สร้างบทเรียนราคาแพงให้ผู้เสียหายท่านนี้เลยทีเดียว

มิติใหม่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ Upgrade ใหม่ หลอกให้กดลิงก์ดูดเงินในบัญชี

เตือนภัยคอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพ มิติใหม่ของภัยร้ายออนไลน์ Upgrade ความร้ายแรงใหม่ หลอกให้กดลิงก์มา #หลอกดูดเงินในบัญชีธนาคาร จนหมดเกลี้ยง เรียกได้ว่าเป็นภัยร้ายแบบใหม่ในสังคมออนไลน์ ที่เราต้องรีบรู้อย่างมากกับการที่ถูก 
คอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพ หลอกเอาเงินไปหมดบัญชี

                   เมื่อผู้เสียหายท่านหนึ่ง ได้เปิดบัญชีกับธนาคารแห่งหนึ่ง และได้ทำแอปพลิเคชันธนาคารตามปกติ แต่ดันเจอ คอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพ ส่งลิงก์มาให้ พอผู้เสียหายกดเข้าไปในลิงก์ดังกล่าวปรากฏว่า ผู้เสียหายโดนดูดเงินไปหมดบัญชีแล้วจนผู้เสียหายเดือดร้อนเป็นอย่างมาก  ต่อมาไม่นานเรื่องแดงถึงชั้นศาล ธนาคารที่ผู้เสียหายเปิดบัญชีไว้จึงได้รับผลไปด้วย  เนื่องจากกรณีนี้ศาลฎีกาได้ตัดสินให้ธนาคารร่วมรับผิดชอบต่อผู้เสียหายจากการกระทำความผิดของ คอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพ  ด้วย โดยกรณีแบบนี้มีผู้เสียหายจำนวนมากที่ถูก คอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพ ส่งลิงก์หลอกดูดเงินจนหมดบัญชี หนำซ้ำหลังเรื่องแดงแล้ว ยังเคราะห์ซ้ำกรรมซัดต่อผู้เสียหาย เพราะคดีความยังไม่มีความคืบหน้า ผู้เสียหายยังไม่ได้เงินคืน รอนานจนผู้เสียหายหมดหวังกับการที่ถูกพวก
คอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพ หลอกให้กดลิงก์ เรียกได้ว่าเป็นการสร้างความเสียหายครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของผู้เสียหายเลยก็ว่าได้

 ทนายอาร์ม ขอแนะหากเจอคอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพ หลอกให้กดลิงก์ดูดเงินหมดบัญชีควรทำอย่างไร

                   อย่างกรณีตัวอย่างข้างต้นที่ถูกพิษ คอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพ แบบนี้  #ทนายอาร์ม ขอแนะว่า หากคุณได้ตกเป็นผู้เสียหายหลงเชื่อ และกลายเป็นเหยื่อของ คอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพ ถูกดูดเงินไปหมดบัญชีคล้ายกับกรณีตัวอย่างนี้ นอกจากจะต้องเดือดร้อนกับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ แล้ว ยังถูกดองคดีความ ไร้การรับรับผิดชอบจากธนาคารอีก ควรหาทนายเข้าดำเนินการฟ้องเลยดีที่สุด เพราะนาทีนี้คงมีแต่เราที่ต้องช่วยเหลือตัวเองเท่านั้น เมื่อหลงเชื่อถูก หลอกให้กดลิงก์ จากพวก คอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพ ไปแล้ว ก็ต้องหาทางออกเพื่อตัวคุณเองดีที่สุดหากไม่อยากให้เงินที่เสียไปกลายเป็นศูนย์ และเสียเวลาไม่ได้อะไรเลยควร รีบหาทนายปรึกษาคดีด่วน  เพราะเรื่องแบบนี้คงมีแต่ตัวคุณเท่านั้นที่ต้องช่วยเหลือตัวเองขอเตือนด้วยความหวังดี

กลยุทธ์และวิธีการเอาเงินคืนนั้นเป็นเรื่องเทคนิคล้วน ๆ แต่เป็นเทคนิคทางกฎหมายที่อธิบายค่อนข้างสลับซับซ้อน