ในสายอาชีพทนายความ “ความรู้จากตำรา” อาจเป็นเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของเส้นทาง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งคือประสบการณ์จริงที่ต้องผ่านการฝึกฝนในสนามจริง และนั่นคือเหตุผลที่การฝึกงานถือเป็นก้าวสำคัญที่ทุกคนต้องผ่าน วันนี้เราจะพาไปฟังมุมมองและประสบการณ์ตรงจาก ทนายอาร์ม ศุภสิทธิ์ ศิริ เจ้าของสำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ ที่เปิดเผยทั้งเหตุผล ข้อคิด และความตั้งใจเบื้องหลังการดูแลเด็กฝึกงานในสายอาชีพนี้

Q: ทำไมการฝึกงานจึงเป็นขั้นตอนสำคัญก่อนเป็นทนายความเต็มตัว?
A: นิยามความเป็นทนายความสำหรับผม คือ การให้บริการทางกฎหมาย สำหรับการฝึกงาน หากเราไม่เคยทำงานหรือไม่เคยฝึกงาน ไม่เคยลงพื้นที่จริง ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่การรวบรวมข้อมูลหรือพยานหลักฐานเราก็จะไม่เข้าใจบริบท สุดท้ายแล้วเมื่อเราไปทำงานและเราเข้าใจว่าตัวเราเป็นทนายความ พอเราเข้าใจแบบนั้น มันก็นำไปสู่เงินค่าจ้าง สมมติว่าเราไม่เคยฝึกงานเลย เราเข้าใจว่าเมื่อเราเข้าไปเป็นทนายความ เราก็ไปเรียกเงินค่าจ้างจากผู้ว่าจ้าง สมมติเป็นรายเดือน เราอาจจะไปเรียกเดือนละ 25,000 บาท โดยที่เราทำอะไรไม่เป็นเลย สถานประกอบการหรือตัวผู้ประกอบการก็งงว่าทำอะไรไม่เป็นเลย แต่เรียกเงินขนาดนี้ เขาก็จะไม่จ้างเรา เพราะเราอธิบายโครงสร้างความเข้าใจในการเป็นทนายความแบบง่ายๆไม่เข้าใจ
Q: การฝึกงานในสายกฎหมายแตกต่างจากอาชีพอื่นอย่างไร?
A: ในงานกฎหมาย เรื่องเล็ก ๆ ก็สำคัญ เช่น เขียนคำร้อง คำขอ คำแถลง ถ้าไม่เคยทำก็ไม่รู้ว่าต้องเริ่มยังไง ไปเรือนจำก็ไม่รู้ว่าประตูไหน ไปศาลก็ไม่รู้ขั้นตอน การใช้แบบฟอร์มสำเร็จรูปของศาลก็ง่าย แต่สำหรับผมถือว่าไม่พอ เพราะไม่ได้อธิบายเหตุผลว่าทำไมต้องได้ประกันตัว

Q: อะไรที่มหาวิทยาลัยให้ “ไม่ได้” แต่การฝึกงานให้ได้?
A: มหาวิทยาลัยทุกมหาวิทยาลัยในประเทศไทยจะสอนนักศึกษาให้วินิจฉัยฟันธง แต่ไม่เคยสอนกระบวนการ เช่น คดีลักทรัพย์มีผู้ต้องหารายหนึ่งไปขโมยของในเซเว่นหรือไปขโมยของในร้านสะดวกซื้อ แล้วผู้ต้องหารายนั้นมาหาทนายความ ซึ่งหากเราไม่เคยฝึกงานแบบนี้ว่าเราจะต้องเริ่มต้นจากอะไร ทุกคนหันไปหาตำรวจหมด แต่ตำรวจไม่ใช่ทางออกสำหรับเรื่องนี้ อันนี้ในมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้สอนกระบวนการตั้งรูปคดี แต่การที่มาฝึกงานคุณจะได้การตั้งรูปเรื่องตั้งแต่เริ่มต้น
Q: การฝึกงานช่วยหล่อหลอมจรรยาบรรณทนายอย่างไร?
A: จะรู้ว่าสิ่งที่ควรกระทำไม่ขัดกับศีลธรรม ให้ยึดถือหลักศีลธรรมเป็นอันดับแรก แล้วมันจะคู่กับกฎหมาย การสร้างพยานหลักฐานที่ไม่มีอยู่จริงกับการที่สร้างพยานหลักฐานที่ทำได้ เช่น เราอาจจะเข้าใจคำว่าสร้างพยานหลักฐานเป็นทางที่ไม่ดีแต่การสร้างพยานหลักฐาน เช่น เรามาฝึกงาน เมื่อเขาไม่มีบัญชีค่าใช้จ่ายจากงานศพ เราสามารถเขียนขึ้นมาเองซึ่งไม่ผิด อย่างนี้ก็จะเข้าใจว่านี่คือสิ่งที่มันถูกไม่ใช่สิ่งที่ผิด
Q: มีเหตุการณ์จากการฝึกงานที่จำได้จนถึงวันนี้ไหม?
A: ฝึกงานครั้งแรก เป็นนัดไกล่เกลี่ยที่ศาลแพ่งธนบุรี คือ เรารู้เลยว่าฝ่ายเราไป เราเป็นฝ่ายบริษัทประกันภัย คือ สร้างสิ่งที่มันไม่ไม่เป็นศีลธรรม เช่น ไปรับเรื่องเขามา แล้วกลับมาเสนอเพื่อยื้อเวลาให้ทางฝ่ายคู่ความรำคาญหรือทนไม่ได้ อันนี้เป็นเทคนิคหนึ่งที่มันเป็นเรื่องของการขัดต่อศีลธรรมและไม่ไม่ให้เรื่องมันจบแล้วเราก็เบิกเงินค่าพาหนะได้อีก ไปแต่ละครั้งเราก็เบิกได้ทุกครั้ง ซึ่งอันนี้มันเป็นเรื่องที่ผิดมากเลยที่หัวหน้าสอนงานมาแบบนั้นเราก็เลยยังดีที่ตอนนั้นคิดทัน
Q: เคยเจอกรณีที่เด็กฝึกงาน “ท้อ” หรือ “หมดกำลังใจ” บ้างไหม? แล้วให้คำแนะนำอย่างไรในฐานะพี่เลี้ยงหรือผู้ดูแล?
A: เด็กฝึกงานข้อเสียคือเขาไม่เข้าใจกระบวนการการทำงานที่แท้จริง การฝึกงานทางกฎหมาย ถ้าเราทำเราทำผิดพลาดไปขอสอบใหม่ไม่ได้ มีแต่ยกก็คือเท่ากับแพ้ เพราะเด็กฝึกงานทำงาน ไม่ใช่การที่เรามาขอเขาฝึกงานเราต้องการที่ๆเราได้มาฝึกงาน เราต้องขอบคุณเขาที่ให้โอกาส เรามาเรียนรู้งาน และการเรียนรู้งานสามารถนำไปสู่การที่เราจะทำงานหรือปฏิบัติได้จริง พอปฏิบัติได้จริงเราก็จะทำงานได้ในที่สุด
Q: ในอนาคตทนายอาร์มคิดว่าระบบการฝึกงานควรพัฒนาไปในทิศทางไหน? จะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับเด็กฝึกงาน?
A: สำหรับงานทนายความ ก็จะมีทนายกลุ่มหนึ่งที่ไปรับเซ็นชื่อให้โดยที่เขาไม่ต้องฝึกงานจริง อันนี้คือการรังแกทางอ้อม แล้วก็นักศึกษาฝึกงานโดยมากก็จะแสวงหาแต่ที่ฝึกงานที่ตัวเองสะดวก โดยที่ไม่คำนึงถึงว่าในอนาคตแห่งความเป็นจริง ถามว่าคุณจะว่าความแค่ศาลหน้าปากซอยบ้านเหรอมันก็เป็นไปไม่ได้คือคุณต้องว่าความได้ทั่วประเทศไทย ดีไม่ดีทั่วโลกด้วยซ้ำ อย่างอนุญาโตตุลาการที่ฝรั่งเศสอย่างนี้มันต้องไปขึ้นที่ประเทศนั้น หรือบางทีมีคดีที่ลิขสิทธิ์ต้องขึ้นที่ญี่ปุ่น หรือมีคดีที่เกี่ยวกับภูมิภาคเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างสัญญาระหว่างไทยกับจีนอย่างนี้ แล้วข้อตกลงไปขึ้นอนุญาโตตุลาการที่ประเทศจีนอย่างนี้ คุณจะตั้งเงื่อนไขเริ่มต้นทำงานอย่างไร มันก็ไม่เหมาะที่จะมาเป็นทนายความแล้ว
Q: บางคนมองว่าการฝึกงานเป็นแค่ขั้นตอนบังคับเพื่อสอบตั๋ว พี่อยากฝากอะไรกับน้อง ๆ ที่คิดแบบนี้?
A: ความคิดแบบนั้นอันตราย เพราะการฝึกงานคือส่วนหนึ่งของการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทุกสายงานกฎหมายต้องผ่านมันเพื่อพร้อมทำงานจริง
Q: สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์มีแนวทางการดูแลและพัฒนาเด็กฝึกงานอย่างไรบ้าง?
A: เราให้เด็กได้สัมผัสงานตั้งแต่เริ่มต้นคดี เช่น ที่เรือนจำ โรงพัก หรือพบผู้ต้องหา และปลูกฝังจรรยาบรรณ เช่น ไม่ให้ลูกความเลี้ยงข้าว เพราะมันอาจนำไปสู่ปัญหาในอนาคตได้ อาจนำไปสู่เรื่องอื่น ๆ ได้ ที่เขาเอาไปวิพากษ์วิจารณ์เราในทางที่เสื่อมเสีย เพราะอาชีพทนายความเป็นอาชีพที่ทรงเกียรติ คือ ในประเทศอังกฤษเขาจะให้ความสำคัญกับอาชีพนักกฎหมายระดับสูงมากเลย เพราะฉะนั้นสังคมของเรามันได้วัฒนธรรมมาจากทางยุโรปเกี่ยวกับทางกฎหมาย
Q: อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้เปิดโอกาสเด็กฝึกงาน?
A: ผมเคยตอนที่เริ่มเข้าสู่กระบวนการกฎหมาย ผมไม่มีโอกาสที่จะไปฝึกงานที่สำนักงานทนายจริง ตอนนั้นคือเข้าใจผิดคิดว่าต้องฝึกงานที่สำนักงานทนายเท่านั้น พอวันหนึ่งเราผ่านไป มันก็ไม่จำเป็นต้องเป็นสำนักงานทนายหรอก แต่เรามั่นใจว่าเราจัดรูปแบบของการฝึกงาน ก็เพื่อที่จะคัดคนมาทำงานต่อจากการฝึกงานได้ คือให้เรามีโอกาสได้เลือกคนที่จะสามารถมาสู่การทำงานให้มันมีคุณภาพ เราก็เลยให้โอกาสเด็กฝึกงาน คือ นโยบายหลักของสำนักงานเราต้องการเพียงแค่ว่าเริ่มต้นอยากได้คนที่ไม่มีความรู้เลยมาเริ่มงานมากกว่า เราคิดว่าอันนี้เป็นข้อดีมากกว่าข้อเสีย และในข้อดีมันต้องมีข้อเสีย

Q: ฝากอะไรถึงน้อง ๆ ที่กำลังเรียนกฎหมายหรือจะฝึกงาน?
A: อย่าทำในสิ่งที่คิดว่าถูกหรือผิดตั้งแต่เริ่มต้น เช่น ต้องฝึกงานที่หน้าปากซอยบ้านเท่านั้น ต้องฝึกงานที่ศาลเท่านั้น ต้องฝึกงานที่สำนักงานอัยการเท่านั้น ดูเท่ดูดี จากประสบการณ์ทำคดีมา 10 กว่าปี ยืนยันว่าฝึกงานที่เห็นผมเห็นว่าความเห็นความเห็นของผมคือเห็นว่าควรที่จะฝึกที่สถานีตำรวจหรือไม่ก็สำนักงานทนาย 2 ที่นี้ จะทำให้เราเข้าใจกระบวนการทางกฎหมายเข้าใจกระบวนการดำเนินคดีมากขึ้น ผมก็เคยไปฝึกงานที่สำนักงานอัยการแล้วก็ฟังคนอื่นเล่า ฝึกงานแต่ฝึกระยะสั้นนะในช่วงนั้น ก็แทบไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากเดินถ่ายเอกสาร แล้วทุกคนจะเข้าใจผิดว่ากระบวนการของทนายความหรืออัยการต้องไปดูสืบพยานซึ่งมันไม่ใช่เสมอไป
สำหรับ “ทนายอาร์ม” การฝึกงานไม่ใช่เพียงก้าวแรกสู่การสอบตั๋ว แต่เป็นการลงสนามเรียนรู้ความจริงของสายอาชีพ การได้สัมผัสคดีจริง เห็นกระบวนการตั้งแต่ต้นจนจบ และเข้าใจจรรยาบรรณ ล้วนเป็นรากฐานสำคัญของการเป็นทนายความที่ดี และที่ สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ เด็กฝึกงานไม่ได้เป็นเพียงผู้ช่วยชั่วคราว แต่คือผู้ที่ได้รับการหล่อหลอมให้เติบโตเป็นมืออาชีพในอนาคต หากน้อง ๆ สนใจอยากที่จะฝึกงานจริง ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง และเข้าใจกระบวนการทำงานแบบครบวงจร ก็สามารถมาร่วมฝึกงานได้ที่สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ เราพร้อมเปิดโอกาสและสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของว่าที่นักกฎหมายรุ่นใหม่ทุกคน