ว่าด้วยเรื่องการเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ อย่างที่ทราบกันเป็นอย่างดีว่ารถยนต์หรือยานพาหนะกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิต การที่รถเกิดอุบัติเหตุได้รับความเสียหายและต้องเข้าศูนย์จัดซ่อมเป็นระยะเวลานานเกินควร ผลที่ตามมาย่อมสร้างความไม่สะดวก ความเสียหาย และความเดือดร้อนเป็นอย่างมากต่อผู้เอาประกันภัยและหรือเจ้าของรถ แต่จะทำอย่างไรเมื่อบริษัทประกันภัยไม่รับผิดชอบตามหน้าที่ที่ควรพึงกระทำ?
วันนี้สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์จะพาคุณไปรู้จักกับกรณีศึกษากรณีหนึ่งที่จะชี้ให้คุณเห็นถึงความสำคัญของการมีทนายความผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและการประกันภัยรถยนต์ในการเรียกร้องสิทธิ์ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถมาฝากกัน
เคสตัวอย่าง : เดินเรื่องเองถูกประกันภัยปัดซ่อมปัดรับผิดชอบ แต่มีทนายสุดท้ายได้รับความเป็นธรรม !
อย่างที่กล่าวไปในข้างต้นว่าวันนี้เราจะพาคุณมาดูกรณีตัวอย่างว่าด้วยเรื่องของการเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถจากบริษัทประกันภัยจอมเจ้าเล่ห์ ในเคสนี้รถเบนซ์ของผู้เสียหายถูกชนได้รับความเสียหายหนัก แต่ดันถูกบริษัทประกันภัย นิ่งใส่เป็นเหตุให้รถของผู้เสียหายถูกจอดเฝ้าอู่นานร่วม 2 เดือน โดยที่ไม่ได้จัดซ่อมใด ๆ ทั้งที่บริษัทประกันภัยควรจะเร่งรัดประเมินค่าซ่อมตั้งแต่เกิดเหตุ ผู้เสียหายทนไม่ไหวด้วยความรอนานที่บริษัทประกันภัยไม่ตอบรับไม่เห็นความคืบหน้าใด ๆ จึงตัดสินใจปรึกษาทนายความจากสำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ของเรา เพื่อเดินเรื่องเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถทันที เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก
แต่เรื่องราวก็ยังคงไม่จบกับพฤติกรรมจอมเจ้าเล่ห์และหัวแพทย์ของบริษัทประกันภัย นอกจากบริษัทประกันภัยจะใช้ความหัวแพทย์โดยการนิ่งใส่ไม่รับผิดชอบใด ๆ ต่อผู้เสียหายแล้วหลังจากที่มีทนายความเดินเรื่องให้ ในชั้น คปภ. บริษัทประกันภัยก็ยังไม่วายที่จะหากลยุทธ์มาเอาเปรียบ ยังอ้างว่ารถของผู้เสียหายเป็นรถนำเข้าจากต่างประเทศ หาอะไหล่ยาก ต้องใช้เวลาหาอะไหล่นาน ส่งผลให้ผู้เสียหายจากที่ได้รับความเดือดร้อนมากพอตัว ก็ยิ่งได้รับความเดือดร้อนมากไปอีกเมื่อได้ยินข้ออ้างดังกล่าวจากบริษัทประกันภัย
ในเมื่อถูกบริษัทประกันภัยทำกันถึงขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่บริษัทฯ ก็เป็นถึงบริษัทประกันวินาศภัยที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภค แต่กลับสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้บริโภคอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อนขนาดนี้ ทนายอาร์ม ผู้จัดการสำนักงานฯ และทนายความประจำสำนักงานฯ จึงเดินเรื่องนี้เองทันที โดยตัดสินใจดำเนินการฟ้องบริษัทประกันภัยทันทีไม่รอช้า เพื่อเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถและความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น
แน่นอนว่าหลังจากที่มีทนายความดำเนินการเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถและความเสียหายทั้งหมดจากบริษัทประกันภัยจอมเจ้าเล่ห์ และหลังจากที่ผู้เสียหายต้องได้รับความเดือดร้อนเป็นเวลานาน ในวันนี้เรื่องราวที่ได้เกิดขึ้นได้จบลงแล้ว โดยศาลได้มีการพิพากษาให้ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ วันละ 2,000 บาท เป็นระยะเวลา 261 วัน รวมเฉพาะค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถเป็นเงินกว่า 520,000 บาท ด้วยกัน
จากกรณีดังกล่าวข้างต้น การเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถนี้ ได้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการที่ผู้เสียหายและหรือผู้ประสบภัยควรมีทนายความผู้เชี่ยวชาญในการดำเนินคดีทางด้านประกันภัย ตั้งแต่ขั้นตอนแรกหลังเกิดอุบัติเหตุทันที เพราะบริษัทประกันภัยหลายแห่งก็มักใช้เล่ห์เหลี่ยม กลยุทธ์และการประวิงเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงหรือชะลอการจ่ายค่าสินไหมทดแทนที่ผู้เสียหายควรจะได้รับ และแน่นอนว่าการที่ผู้เสียหายต้องเดินเรื่องเองอาจทำให้ไม่สามารถรับมือกับกลยุทธ์ต่าง ๆ เหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ชี้สาเหตุ !! เดินเรื่องเองอาจได้น้อยกว่าความเสียหายที่แท้จริง มีทนายความเดินเรื่องดีอย่างไร ?
ในการเดินเรื่องเองอาจดูเหมือนเป็นทางเลือกที่ง่ายและรวดเร็ว แต่ในความเป็นจริงกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด การต่อสู้กับบริษัทประกันภัยที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมต่าง ๆ เพื่อลดหรือหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนนั้นเป็นเรื่องที่ซับซ้อน และต้องใช้ความรู้ความเข้าใจทางกฎหมายอย่างลึกซึ้ง ดังนั้น การมีทนายความที่มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินคดีเกี่ยวกับการเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถจึงเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง
การมีทนายความที่มีความรู้และประสบการณ์ในการต่อสู้เพื่อสิทธิ์ของผู้เสียหายจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะทนายความจะช่วยให้กระบวนการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเป็นไปอย่างราบรื่นและได้รับผลที่ยุติธรรมตามที่ควรจะเป็น ดังนั้น การมีทนายความตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุจึงเป็นการป้องกันตัวผู้เสียหายเอง เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของบริษัทประกันภัย และเป็นการรักษาสิทธิ์ของตัวผู้เสียหายได้อย่างเต็มที่ หากเกิดอุบัติเหตุสามารถปรึกษาทนายได้ตั้งแต่เกิดเรื่อง ไม่ต้องรอให้ถูกเอาเปรียบ ปรึกษาทนาย >>ติดต่อเรา<<<