คดีเมาแล้วขับ เป่าแอลกอฮอล์ เกินหรือไม่เกินประกันภัยก็ไม่จ่าย ได้หรอ ?

  • หน้าแรก
  • คดีเมาแล้วขับ เป่าแอลกอฮอล์ เกินหรือไม่เกินประกันภัยก็ไม่จ่าย ได้หรอ ?

คดีเมาแล้วขับ เป่าแอลกอฮอล์ เกินหรือไม่เกินประกันภัยก็ไม่จ่าย ได้หรอ ?

          นับผลแอลกอฮอล์ย้อนหลัง กลยุทธ์เด็ดที่ผู้เสียหายปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นเทคนิคกลยุทธ์ที่แยบยลมากทีเดียวในการที่บริษัทประกันภัยคิดที่จะมาเอาเปรียบผู้เสียหาย ราวกับว่าเป็นกลยุทธ์ที่คิดขึ้นมาแต่แรก เพื่อที่ตั้งใจจงใจมาเอาเปรียบผู้บริโภคในยามเดือดร้อนแต่แรก เจอประกันภัย นับผลแอลกอฮอล์ย้อนหลัง กับผู้เสียหายทุกคนที่เกิดอุบัติเหตุแบบนี้ ผู้เสียหายถึงกับไปไม่เป็นหลายเคสเลยทีเดียว

 

          คลิปนี้ทนายอาร์มและทนายนัท จะมาพูดถึงการคิดคำนวณ #ผลแอลกอฮอล์ ของบริษัทประกันภัย ที่บริษัทมักใช้คู่มือตีความมาเป็นหลักเกณฑ์ในการนับผลแอลกอฮอล์ย้อนกลับไปขณะเกิดเหตุว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์เกินหรือไม่ ความเจ้าเล่ห์ของบริษัทประกันภัย เกี่ยวกับคดีเมาแล้วขับในเรื่อง นับผลแอลกอฮอล์ย้อนหลัง มาพูดให้ฟังเป็นเกล็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อที่จะไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ และรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของบริษัประกันภัย หรือผู้เสียหายท่านใดที่เจอเมาแล้วขับถูกประกันนับผลแอลกอฮอล์ย้อนหลัง เป็นคดีเมาแล้วขับ ยิ่งต้องดูคลิปนี้เลย ถือว่าเป็นเกล็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ จากทนายอาร์ม และทนายนัท มาฝากให้ทุกท่านได้รู้เท่าทันกลยุทธ์ของบริษัทประกันภัยกัน

          แม้ว่าทนายอาร์มจะเป็นทนายความที่เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและการประกันภัยรถยนต์ และทำคดีเกี่ยวกับคดีเมาแล้วขับมาเป็นจำนวนมากอยู่บ่อยครั้ง  แต่ทนายอาร์มก็ไม่สนับนุนให้คนดื่มเหล้าหรือดื่มแอลกอฮอล์ จนนำไปสู่การเมาแล้วขับ แต่ก็เป็นธรรมดาตราบใดที่สุราของมึนเมาหรือแอลกอฮอล์ยังมีจำหน่ายอยู่ ประกอบกับกฎหมายก็ไม่ได้มีการห้ามเด็ดขาด ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่อาจมีคนเผลอดื่มแอลกอฮอล์แล้วไปขับรถได้  ที่นี้เมื่อมีคนเลือกที่จะทำอย่างนั้นแล้ว ก็จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายในเรื่องเมาแล้วขับไว้บ้าง อีกทั้งแต่ละมุกและเทคนิคของบริษัทประกันภัยจอมเจ้าเล่ห์อีกที่พร้อมจะเอาเปรียบคุณได้อยู่ตลอดเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ  จึงทำให้เกิดความสงสัยมากมายว่าเพราะเหตุใดหน่วยงานของรัฐถึงปล่อยให้มาถึงจุดนี้ได้

          จากในคลิปได้ยกตัวอย่างคดีเมาแล้วขับ ผู้เสียหายถูกบริษัทนับผลแอลกอฮอล์ย้อนหลังและได้รับหนังสือปฏิเสธจากบริษัทประกันภัย โดยผู้ขับขี่ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์หลังเกิดเหตุได้ 53 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เท่ากับเกินตามสัญญาประกันภัย บริษัทจึงไม่จ่ายก็ถือว่าถูกต้องตามหลักการ แต่ในอีกคดีหนึ่งผู้ขับขี่ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์หลังเกิดเหตุเหมือนกัน แต่ผลปริมาณแอลกอฮอล์ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด แต่บริษัทประกันก็ไม่จ่ายเช่นเดียวกัน สรุปว่าตรวจวัดหลังเกิดเหตุแล้วไม่ว่าจะมีปริมาณแอลกอฮอล์เกินประกันก็ไม่จ่าย และต่อให้ไม่เกินก็ไม่จ่ายอีก ถือว่ากลยุทธ์นี้เป็นความเจ้าเล่ห์ของบริษัทประกันภัยก็ไม่ผิดใช่หรือไม่

           สำหรับคดีเมาแล้วขับถูกนับผลแอลกอฮอล์ย้อนหลังและก็เรียกได้ว่ามีผู้เสียหายหลายท่านเลยทีเดียวที่กำลังประสบปัญหากับความเจ้าเล่ห์ของบริษัทประกันนี้อยู่ ทนายอาร์มขอชี้แจงและอธิบายเลยว่าอย่าหลงกลบริษัทประกันภัยเด็ดขาด เพราะในสัญญาประกันภัยไม่มีเขียนหรือระบุแม้แต่ข้อความเดียวเลยว่า ขณะเกิดเหตุหรืออะไรก็แล้วแต่ที่บริษัทปฏิเสธมา ทนายอาร์มจึงขอสมมติเป็นคดี A และคดี B โดยคดี A วัดปริมาณแอลกอฮอล์ได้ 53 Mg.% และคดี B วัดปริมาณแอลกอฮอล์ได้เพียง 49 Mg.% โดยทั้ง 2 คดีนี้ประกันภัยไม่จ่ายเรียกได้ว่าทั้งเกินก็ไม่จ่าย ไม่เกินก็ไม่จ่าย ระยะเวลาที่นับย้อนหลังแพทยสภาก็ให้ตั้งฐานไว้ที่ 20 Mg.% จากกรณีนี้ทนายอาร์มยังเล่าต่อว่า มีทนายบางสำนักงานไปสู้คดี แต่ไม่รู้ว่าควรสู้แบบไหนอย่างไร เอาคำพิพากษามาให้ทนายอาร์มช่วยเหลือว่า ทำอย่างไรถึงจะชนะคดี ทนายอาร์มจึงตอบไปว่า อยู่ที่ความเข้าใจในเรื่องทางการแพทย์ด้วย แต่ชาวบ้านคนธรรมดาทั่วไปที่ซื้อรถ ซื้อประกันภัย ทำไมต้องมาเดือดร้อนเพราะเหตุผลถูกบริษัทประกันภัยเจ้าเล่ห์ อย่างนี้คปภ.ต้องตอบให้ได้ว่าสรุปแล้วเกินก็ไม่จ่าย ไม่เกินก็ไม่จ่าย แต่คปภ.ดันออกกฎว่า ให้นับย้อนหลัง 15 Mg.% ทุก ๆ  1 ชม. โดยกฎนี้ใช้บังคับได้หรือไม่ ทนายอาร์มยืนยันว่าจากประสบการณ์ของทนายอาร์มที่ทำคดีมา จากคำพิพากษาศาลจะบอกในทำนองที่ว่าใช้ได้ แต่ไม่ได้บอกว่าใช้ไม่ได้ แต่ศาลบางท่านก็บอกว่าใช้ไม่ได้ จึงแนะว่าให้สู้ไปในแนวทางของคดีและของการใช้กฎในการนับ

        การเป็นทนายนั้นไม่ได้ง่ายเลย เพราะต้องมีความรู้ทางการแพทย์ด้วย ปัญหาที่เกิดขึ้น คือ บริษัทประกันภัยใช้เวลาประวิงเพื่อบีบผู้เสียหายมาเจรจาค่าเสียหาย สมมติว่าค่าซ่อมรถคุณ 100,000 บาท พอคุณโดนคดีเมาแล้วขับแบบนี้ ประกันก็จะออกอุบายบอกว่าจะไม่นับผลแอลกอฮอล์ย้อนหลัง แต่จะขอจ่ายครึ่งเดียวแบบนี้เพื่อให้เรื่องจบ ผู้เสียหายก็จะได้ค่าเสียหายน้อยกว่าความเป็นจริง จึงขอยืนยันว่าสนับสนุนให้ผู้ใช้รถใช้ถนนไม่เมาแล้วขับและอย่าตกเป็นเหยื่อของประกันภัย อีกทั้งพฤติการณณ์ของปรักนภัยยังชอบปฏิเสธไปก่อนเผื่อผู้เสียหายเชื่อด้วย เรียกได้ว่าไม่ต่างอะไรกับคำว่ารักษาตัวให้หายดีก่อนเลย ทนายอาร์มย้ำว่าไม่อยากให้ผู้บริโภคถูกเอาเปรียบ บางคนไปติดต่อหน่วยงานที่ควบคุมธุรกิจประกันภัย และมีความรู้สึกว่า สรุปแล้วเป็นหน่วยงานอะไรกันแน่ถึงให้การช่วยเหลือบริษัทประกันภัย เมื่อถึงเวลาเดือดร้อนเราก็มีหน้าที่เดินหน้าทวงความยุติธรรมให้ตัวเอง สุดท้ายก็มีเพียงตัวเราเท่านั้นที่ต้องช่วยเหลือตัวเอง แนะนำว่าหากเจอคดีเมาแล้วขับถูกประกันภัยนับผลแอลกอฮอล์ย้อนหลังรีบหาทนายเพื่อปรึกษาโดยเร็วดีที่สุด