เลือก “ทนายความที่ปรึกษา” อย่างไรให้มั่นใจ? เหตุผลที่ชาวต่างชาติไว้วางใจสำนักงานกฎหมายวงศกรณ์

ในยุคที่การดำเนินธุรกิจหรือใช้ชีวิตในต่างแดนเต็มไปด้วยความเสี่ยงทางกฎหมาย การมี “ทนายความที่ปรึกษา” ที่ไว้ใจได้และมีความรู้ความเข้าใจในระบบกฎหมายของประเทศนั้น ๆ จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ และนั่นคือเหตุผลที่ชาวต่างชาติจำนวนมากให้ความไว้วางใจเลือกใช้บริการจากสำนักงานกฎหมายวงศกรณ์

เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา สำนักงานของเราได้รับเกียรติจากชาวต่างชาติรายหนึ่ง
ซึ่งได้เดินทางเข้ามาขอคำปรึกษาทางกฎหมายทันทีที่ทราบว่าตนประสบปัญหาทางกฎหมายในประเทศไทย โดยไม่ได้ติดต่อสำนักงานกฎหมายอื่นใดมาก่อนเลย สิ่งนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในความเชี่ยวชาญและชื่อเสียงของเราในฐานะ “ที่ปรึกษากฎหมาย” ที่มีความเป็นมืออาชีพ และพร้อมดูแลทุกปัญหาของลูกความอย่างเต็มที่

ทนายความที่ปรึกษา ไม่ใช่แค่แก้ปัญหา แต่คือคนที่วางแผนป้องกันปัญหาให้คุณ

หลายคนมักเข้าใจว่า ทนายความมีหน้าที่เพียงแค่ดำเนินการด้านกฎหมายในเวลาถูกฟ้องร้อง หรือดำเนินคดีในชั้นศาลเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว “ทนายความที่ปรึกษา” มีบทบาทที่สำคัญยิ่งกว่า เพราะเราคือผู้ให้บริการทางกฎหมายเพื่อให้คุณหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทางกฎหมาย วางแผนรับมือกับความเสี่ยง และสร้างแนวทางการดำเนินชีวิตหรือธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมายตั้งแต่แรกเริ่ม

ในกรณีของชาวต่างชาติที่เข้ามาปรึกษาเรานั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นสามารถบานปลายและสร้างความเสียหายอย่างมากได้ หากเขาไม่รีบเข้ามาขอคำแนะนำตั้งแต่ต้น ซึ่งนี่คือสิ่งที่เราพยายามสื่อสารกับผู้คนอยู่เสมอว่า “การปรึกษาทนายความเร็วเท่าไหร่ ยิ่งสามารถทำให้คุณได้รับความเป็นธรรมหรือได้รับการแก้ไขปัญหาเร็วมากขึ้นเท่านั้น”

ทำไมต้องเลือกที่ปรึกษากฎหมายจาก “สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์”?

1.ประสบการณ์และความชำนาญเฉพาะทาง ทนายของเรามีประสบการณ์ทั้งในคดีแพ่ง อาญา ธุรกิจ ครอบครัว ไปจนถึงคดีระหว่างประเทศ เราเข้าใจในบริบททั้งของคนไทยและชาวต่างชาติ

2.ให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา เราให้ความสำคัญกับความโปร่งใส ซื่อสัตย์ และการให้ข้อมูลที่ถูกต้องไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่

3.การสื่อสารเข้าใจง่าย โดยเฉพาะในเคสของชาวต่างชาติ เรามีทีมงานที่สามารถสื่อสารได้หลากหลายภาษา พร้อมอธิบายข้อกฎหมายที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่าย4.ความไว้วางใจจากลูกความ กรณีของชาวต่างชาติที่เข้ามาปรึกษาโดยตรงกับเราโดยไม่ผ่านคนแนะนำ หรือไม่ติดต่อที่อื่นก่อน แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่สำนักงานกฎหมายของเราได้รับอย่างแท้จริง

ที่ปรึกษากฎหมาย จำเป็นสำหรับทุกคน ไม่ใช่เฉพาะคนที่มีปัญหา

ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของธุรกิจ บุคคลธรรมดา หรือแม้แต่ชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานหรือพำนักในประเทศไทย การมี “ที่ปรึกษากฎหมาย” ส่วนตัวคือการลงทุนในความมั่นคงทางชีวิตและธุรกิจ

  • อยากเซ็นสัญญาเช่าคอนโด หรือซื้อขายทรัพย์สิน? ทนายความสามารถตรวจสอบเงื่อนไขให้คุณไม่เสียเปรียบ
  • ทำธุรกิจในไทย ไม่แน่ใจว่าเอกสารทุกอย่างถูกต้องไหม? ปรึกษาทนายก่อนจะดีกว่าแก้ไขภายหลัง
  • ถูกฟ้องร้อง หรือมีปัญหาข้อพิพาท? ยิ่งมีทนายที่รู้จักคุณอยู่แล้ว ยิ่งแก้ไขได้เร็วและตรงจุด

ความมั่นใจ เริ่มต้นจากการตัดสินใจที่ถูกต้องสำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ไม่เพียงให้คำแนะนำทางกฎหมายเท่านั้น แต่เรายังมุ่งมั่นที่จะเป็น “ผู้ให้บริการด้านกฎหมาย” ที่คุณวางใจได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติ หากคุณมองหา ทนายความที่ปรึกษา ที่พร้อมเคียงข้างคุณในทุกก้าวของชีวิตและธุรกิจ — เรายินดีต้อนรับเสมอ

สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ ที่ปรึกษากฎหมายที่คุณวางใจได้

ในโลกที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การมี “ทนายความที่ปรึกษา” ที่เข้าใจคุณ รู้กฎหมาย และพร้อมให้บริการด้านกฎหมายทันทีเมื่อเกิดปัญหา คือสิ่งสำคัญไม่แพ้การมีแพทย์ประจำตัว

หากคุณกำลังมองหา “ที่ปรึกษากฎหมาย” ที่พร้อมดูแลคุณอย่างจริงใจและมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นคดีความ ธุรกิจ หรือปัญหาส่วนตัว ติดต่อเราวันนี้ที่ สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ แล้วคุณจะเข้าใจว่า ทำไมลูกค้าหลายรายถึงไว้วางใจเราโดยไม่ลังเล

“ยักยอก” หรือ “ลักทรัพย์” ต่างกันอย่างไร? มีโทษทางกฎหมายอย่างไร?

ในวงการธุรกิจ กรณีการขโมยทรัพย์สินหรือการฉ้อโกงมักเกิดขึ้นโดยเฉพาะภายในองค์กร และเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่กรรมการหรือบุคลากรแอบถอนเงินจากบริษัทโดยไม่ได้รับอนุญาต สิ่งที่ต้องพิจารณาคือการกระทำนั้นเข้าข่าย “ยักยอก” หรือ “ลักทรัพย์” ซึ่งทั้งสองการกระทำนี้มีความแตกต่างกันทั้งในด้านการกระทำและโทษทางกฎหมาย วันนี้สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์จะมาไขข้อข้องใจนี้กัน

ความหมายของการยักยอกและลักทรัพย์

1. ยักยอก

   การยักยอกทรัพย์ คือการที่บุคคลที่มีสิทธิ์ครอบครองทรัพย์นั้นอยู่ก่อน เช่น ผู้ดูแลทรัพย์สิน กรรมการบริษัท หรือลูกจ้าง แอบนำทรัพย์ของบริษัทไปใช้เป็นของตนเองโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้ว่าในเบื้องต้นบุคคลนั้นจะได้รับความไว้วางใจในการจัดการหรือครอบครองทรัพย์สินอยู่แล้ว แต่การกระทำนี้ยังถือว่ามีเจตนาทุจริตและผิดกฎหมาย

2. ลักทรัพย์

   การลักทรัพย์ คือการแอบขโมยหรือแอบนำทรัพย์สินของบุคคลอื่นไปโดยที่ไม่มีสิทธิ์ครอบครองทรัพย์นั้นอยู่ก่อน เช่น การลักขโมยของที่อยู่ในร้านค้า หรือนำสิ่งของของผู้อื่นมาเป็นของตน การลักทรัพย์มักเกิดจากการแอบเข้าไปในพื้นที่โดยไม่มีสิทธิ์และไม่ได้รับความไว้วางใจในการครอบครองทรัพย์นั้น ๆ

ความแตกต่างระหว่าง “ยักยอก” กับ “ลักทรัพย์”
-สถานการณ์ครอบครองทรัพย์สิน : ในการยักยอก ผู้กระทำมีสิทธิ์ครอบครองทรัพย์สินอยู่ก่อน แต่แอบนำไปเป็นของตนโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่การลักทรัพย์ ผู้กระทำไม่มีสิทธิ์ครอบครองทรัพย์สินนั้นเลย

-การกระทำ : การยักยอกเกิดจากความไว้วางใจแต่ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด ส่วนการลักทรัพย์เป็นการขโมยที่ไม่เกี่ยวกับการได้รับความไว้วางใจแต่อย่างใด

โทษทางกฎหมายของการยักยอกและลักทรัพย์

1. โทษของการยักยอก 

   ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 การยักยอกมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากเป็นการยักยอกทรัพย์ที่ได้รับไว้ตามหน้าที่หรืออาชีพ เช่น กรรมการบริษัท ผู้จัดการ หรือผู้ดูแลทรัพย์สิน โทษจะรุนแรงขึ้นตามมาตรา 353 คือจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2. โทษของการลักทรัพย์

   ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 การลักทรัพย์มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากการลักทรัพย์เกิดขึ้นในสถานการณ์หรือสถานที่พิเศษ เช่น ในเวลากลางคืนหรือในบ้านเรือน จะมีการเพิ่มโทษตามมาตรา 335 ซึ่งโทษสูงสุดอาจเพิ่มขึ้นได้ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด

กรณีมีคนแอบถอนเงินบริษัทโดยไม่ได้รับอนุญาตจะมีผลทางกฎหมายอย่างไร?

เมื่อเกิดกรณีที่หนึ่งในกรรมการบริษัทซึ่งมีสิทธิ์จัดการทรัพย์สินของบริษัทแอบถอนเงินออกมาโดยที่บริษัทไม่ได้รับทราบและไม่ได้อนุญาต การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการ ยักยอกทรัพย์ มากกว่าลักทรัพย์ เนื่องจากกรรมการมีสิทธิ์ในการจัดการทรัพย์สินของบริษัทอยู่ก่อนแล้ว แต่เจตนาในการนำเงินออกมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและแสดงเจตนาทุจริต

การกระทำเช่นนี้ถือว่ามีความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 เพราะกรรมการบริษัทมีหน้าที่รับผิดชอบต่อทรัพย์สินของบริษัทอยู่แล้ว การที่นำทรัพย์สินออกมาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากบริษัทหรือเจ้าของผู้ถือหุ้นอื่นๆ จึงถือเป็นการกระทำทุจริต ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ยังอาจส่งผลให้กรรมการถูกปลดออกจากตำแหน่งและถูกเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งเพิ่มเติมได้อีกด้วย

วิธีป้องกันปัญหาการยักยอกหรือการทุจริตในองค์กร


1. การกำหนดระบบตรวจสอบภายในที่เข้มงวด : การมีระบบตรวจสอบภายในที่เข้มงวดช่วยลดโอกาสที่พนักงานหรือกรรมการบริษัทจะทุจริตได้ การกำหนดขั้นตอนอนุมัติการเบิกถอนเงินอย่างละเอียดจะช่วยให้บริษัททราบการเคลื่อนไหวของทรัพย์สินได้ตลอดเวลา

2. การกำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงทรัพย์สินให้ชัดเจน : การกำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงบัญชีและทรัพย์สินให้ชัดเจน เช่น การกำหนดให้ต้องมีการอนุมัติจากคณะกรรมการหรือตัวแทนทางกฎหมายก่อนการถอนเงินจะช่วยลดความเสี่ยงในการยักยอก

3. การตรวจสอบและติดตามการใช้ทรัพย์สินของบริษัท : การติดตามการใช้งานทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง การจัดทำรายงานการใช้ทรัพย์สินเป็นประจำจะทำให้ทราบการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติได้ทันที

4. การตรวจสอบบัญชีและรายงานทางการเงินโดยบริษัทภายนอก : การใช้บริการตรวจสอบบัญชีจากบริษัทภายนอกช่วยให้เกิดความโปร่งใสและเพิ่มความน่าเชื่อถือแก่ข้อมูลทางการเงินของบริษัท

สรุปแล้วการกระทำทุจริตในองค์กรเป็นสิ่งที่ทุกบริษัทควรให้ความสำคัญ การเข้าใจความแตกต่างระหว่างการยักยอกและลักทรัพย์จะช่วยให้สามารถระบุลักษณะความผิดได้ชัดเจนและดำเนินคดีได้อย่างถูกต้อง กรณีที่กรรมการบริษัทถอนเงินออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นถือเป็นการยักยอก ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

การป้องกันการทุจริตในองค์กรสามารถทำได้ผ่านการกำหนดนโยบายการตรวจสอบและการจัดการทรัพย์สินอย่างเข้มงวด หากเกิดกรณีทุจริต การดำเนินคดีและการเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งจึงเป็นแนวทางสำคัญในการปกป้องสิทธิ์ขององค์กร หากสงสัยว่ากำลังมีผู้ไม่หวังดีกำลังทุจริตองค์กรอยู่ควรมีทนายที่ปรึกษาดีที่สุด >>ติดต่อเรา<< 

รีวิวอาชีพทนายความ การเดินทางของ #ทนายอาร์ม ศุภสิทธิ์ ศิริ

การเติบโตและประสบความสำเร็จในสายอาชีพทนายความไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะการเปิดสำนักงานทนายความของตัวเองและการได้รับใบอนุญาตจากสภาทนายความ สำหรับผมในฐานะทนายศุภสิทธิ์ ศิริ (Supasit Siri) หรือที่หลายคนรู้จักในนาม #ทนายอาร์ม นั้นเป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยความท้าทายและประสบการณ์ที่หลากหลาย

การเริ่มต้นสู่การเป็นทนายความ  

การสอบใบอนุญาตทนายความเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญสำหรับผู้ที่มีความฝันอยากเป็นทนายความ การสอบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายและก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป แต่สิ่งที่สำคัญคือการเตรียมตัวและความพยายามในการศึกษาหาความรู้ เมื่อผ่านการสอบใบอนุญาตทนายความแล้ว ความท้าทายที่แท้จริงเริ่มต้นขึ้น

ความสำคัญของการหาคดีและการบริหารสำนักงานทนาย

หลังจากได้รับใบอนุญาตเป็นทนายความ การหาคดีเข้าสำนักงานทนายเป็นเรื่องที่ท้าทายและมีความสำคัญอย่างยิ่ง การมีคดีในมือไม่เพียงแต่จะเป็นแหล่งรายได้หลักที่ช่วยให้สำนักงานสามารถดำเนินกิจการได้ แต่ยังเป็นการสะสมประสบการณ์และสร้างชื่อเสียงให้กับทนายและสำนักงานทนาย

การหารายได้ให้เพียงพอต่อการดำเนินชีวิตและการบริหารบุคลากรในสำนักงานทนายเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือการที่มีงาน แต่ขาดบุคลากรที่มีความสามารถเพียงพอในการดำเนินการจะเป็นปัญหาใหญ่ การตัดสินใจเปิดสำนักงานทนายจึงต้องใช้ความคิดให้รอบคอบ การคิดว่าเปิดสำนักงานเล็ก ๆ แล้วจะพอ อาจทำให้พบกับความยากลำบากในการบริหารงานและตอบสนองความต้องการของลูกความได้

นอกจากนี้การบริหารสำนักงานทนายยังต้องคำนึงถึงการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยี ระบบการจัดเก็บข้อมูล และการให้บริการลูกความ การทำงานให้เกิดประสิทธิผลสูงสุดต้องมีการวางแผนที่ดีและการจัดการที่มีประสิทธิภาพ

ขณะเดียวกันการหาคดีและการบริหารสำนักงานทนายก็เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพื่อให้สามารถสร้างรายได้ที่เพียงพอ และมีบุคลากรที่มีคุณภาพในการให้บริการลูกความ การทำงานอย่างรอบคอบและการวางแผนที่ดีจะช่วยให้สำนักงานทนายสามารถเติบโตและประสบความสำเร็จในระยะยาว

ความสำคัญของการรับผิดชอบในการทำคดี

การรับผิดชอบในการทำคดีเป็นหัวใจสำคัญของการเป็นทนายความที่ดี ความรับผิดชอบนี้ครอบคลุมทั้งด้านจริยธรรม ความเป็นมืออาชีพ และการให้บริการที่มีคุณภาพต่อลูกความ การทำคดีไม่ใช่เพียงแค่การแก้ไขปัญหาในศาล แต่ยังรวมถึงการวางแผนและการจัดการที่ดีในทุกขั้นตอนของกระบวนการทางกฎหมาย

การรับผิดชอบต่อสังคมและต่อลูกความในการทำคดีเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง การทำงานในฐานะทนายความหมายถึงการเป็นตัวแทนและผู้ปกป้องสิทธิของลูกความ ความรับผิดชอบนี้ต้องมีการฝึกฝนและสั่งสมประสบการณ์ในการวางแผนและเตรียมคดี เพื่อให้สามารถนำเสนอข้อเท็จจริงและหลักฐานในศาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การรับผิดชอบในการทำคดียังหมายถึงการให้คำปรึกษาที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อลูกความ การแนะนำที่ผิดพลาดอาจนำไปสู่ความเสียหายและปัญหาที่รุนแรงกว่าเดิม การให้คำปรึกษาและการดำเนินการที่ถูกต้องต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ที่เพียงพอ

การวางแผนและการจัดการที่ดีเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญในการทำคดี การเตรียมตัวอย่างละเอียดถี่ถ้วน การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล และการประเมินสถานการณ์ล่วงหน้า เป็นสิ่งที่จำเป็นในการให้บริการที่มีคุณภาพต่อลูกความและการรักษาความเป็นธรรมในกระบวนการทางกฎหมาย

ความรับผิดชอบในการทำคดีจึงเป็นสิ่งที่ทนายความทุกคนต้องให้ความสำคัญและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความไว้วางใจให้กับลูกความและสังคม

กว่าจะประสบความสำเร็จมาเป็นสำนักงานกฎหมายวงศกรณ์

การก่อตั้งสำนักงานกฎหมายวงศกรณ์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย มีหลายสิ่งที่ต้องคำนึงถึงและจัดการอย่างรอบคอบ การมีสำนักงานทนายความของตัวเองหมายถึงการต้องพร้อมที่จะรับมือกับความท้าทายในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยี การจัดการข้อมูล และการให้บริการลูกความอย่างมีประสิทธิภาพ

หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญในการบริหารสำนักงานทนายคือการมีคอมพิวเตอร์ประจำสำนักงานและระบบซอฟต์แวร์การเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากการทำงานของทนายความในปัจจุบันพึ่งพาเทคโนโลยีในการจัดการข้อมูลและเอกสารต่าง ๆ หากระบบเหล่านี้ไม่ดีพอ อาจส่งผลให้การดำเนินงานมีปัญหาและล่าช้าได้

การบริหารจัดการข้อมูลเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่มีความสำคัญมาก ข้อมูลในคดีความเป็นสิ่งที่ต้องได้รับการจัดเก็บและป้องกันอย่างดี การใช้ระบบซอฟต์แวร์ที่สามารถจัดการและเก็บข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลจะไม่สูญหายและสามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็วเมื่อต้องการ

นอกจากนี้ การให้บริการลูกความอย่างมีประสิทธิภาพและทันเวลายังเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ หากเราอยู่นอกสำนักงานและลูกความต้องการขอเอกสารในคดี เราต้องสามารถจัดการและส่งไฟล์คดีนั้นให้ลูกความได้อย่างรวดเร็ว การที่เราสามารถตอบสนองความต้องการของลูกความได้ทันเวลาไม่เพียงแต่สร้างความไว้วางใจให้กับลูกความ แต่ยังช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสำนักงานอีกด้วย

ความสำเร็จของสำนักงานกฎหมายวงศกรณ์จึงไม่เพียงแต่ขึ้นอยู่กับความสามารถในการให้คำปรึกษาและการทำคดี แต่ยังขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการที่ดีในทุกด้าน ทั้งการใช้เทคโนโลยีในการจัดการข้อมูล การบริการลูกความอย่างมีประสิทธิภาพ และการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกความ หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจในอาชีพทนายความและคิดจะมีสำนักงานทนายของตัวเอง

การให้คำแนะนำลูกความ

การที่เราจะให้คำแนะนำลูกความเกี่ยวกับการไปศาลเป็นเรื่องหนึ่งที่สำคัญ ถ้าเราแนะนำผิดพลาด เช่น แนะนำว่าไม่ต้องไปศาล แต่คดีนั้นกลับมีปัญหา ลูกความก็จะโทษเรา เพราะฉะนั้นเทคนิคและประสบการณ์ในการจัดการกับสถานการณ์ต่าง ๆ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก การเปิดสำนักงานทนายความของตัวเองจึงจำเป็นที่จะต้องมีประสบการณ์ที่เพียงพอ ต้องพิจารณาได้ว่าตนเองมีความพร้อมมากพอหรือไม่ และควรที่จะเปิดสำนักงานทนายของตัวเองหรือไม่

มีสำนักงานทนายความเป็นของตัวเองไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็สามารถทำได้ถ้ามีความตั้งใจที่มากพอ

การเป็นทนายความและการมีสำนักงานทนายความของตัวเองเป็นการเดินทางที่ท้าทาย แต่ก็เป็นอาชีพที่มีความภาคภูมิใจ การมีความรู้และประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจและการทำงาน หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจในอาชีพทนายความและคิดจะมีสำนักงานทนายของตัวเอง

ขอให้ข้อมูลนี้เป็นแนวทางในการตัดสินใจเกี่ยวกับการเป็นทนายความและการเปิดสำนักงานทนายความ หวังว่าทุกคนจะได้รับประโยชน์จากประสบการณ์และคำแนะนำจาก #ทนายอาร์ม ศุภสิทธิ์ ศิริ ครับ

สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ ยินดีให้คำปรึกษาและบริการทางกฎหมายในทุกด้าน ด้วยทีมทนายความที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ พร้อมที่จะยืนหยัดเคียงข้างคุณในทุกสถานการณ์ หากคุณมีคำถามหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับกฎหมาย อย่าลังเลที่จะติดต่อเรา เรายินดีที่จะให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนคุณในทุกขั้นตอน 

ทนายความที่ปรึกษา คืออะไร ? มีทนายความที่ปรึกษาแล้วดีอย่างไร ?

ทนายความที่ปรึกษา คืออะไร ? มีทนายความที่ปรึกษาแล้วดีอย่างไร ?

          ทนายความที่ปรึกษา หรือ ที่ปรึกษาทางด้านกฎหมาย ตามหลักแล้วนั้น ทนายความที่ปรึกษา คือ บุคคลผู้ที่ประกอบวิชาชีพทางด้านกฎหมาย อย่างที่หลายคนจะรู้จักกันเป็นอย่างดีก็คืออาชีพทนายความนั่นเอง แต่ในบางประเทศก็มักใช้คำเรียกอาชีพนี้ว่า ทนายแก้ต่าง ทั้งทนายความที่ปรึกษา หรือทนายความแก้ต่าง ต่างก็มีหน้าที่เหมือนกัน คือให้บริการทางด้านกฎหมาย โดยทนายความหรือทนายความที่ปรึกษา เป็นอาชีพที่ไม่ใช่ว่าใครก็จะเป็นกันได้ง่าย ๆ เนื่องจากต้องผ่านบททดสอบ ผ่านการปฏิบัติ และที่สำคัญต้องมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ทนายความที่ปรึกษายังต้องมีใบอนุญาตในการประกอบวิชาชีพ เพื่อทำหน้าที่ในการให้คำปรึกษาทางด้านข้อกฎหมาย รวมไปถึงดำเนินขั้นตอนหรือกระบวนพิจารณาตามกฎหมายด้วย

มีทนายความที่ปรึกษาดีอย่างไร ?

มีทนายความที่ปรึกษาดีอย่างไร ?

          ปัจจุบันไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ประกอบอาชีพใด ต่างก็สามารถมีทนายความที่ปรึกษาได้โดยที่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เนื่องจากในปัจจุบันในสังคมมีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาและรวดเร็วพอสมควร ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในยุคที่โลกหมุนเร็วในวันหนึ่ง ๆ คุณก็อาจเป็นผู้โชคร้ายที่ประสบเข้ากับปัญหาอย่างที่คาดไม่ถึงได้ ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจเกิดขึ้นได้ในทุกวัน หากวันหนึ่งเกิดเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ ประสบปัญหาถึงขั้นเป็นคดีความขึ้นมา แต่ความรู้ทากฎหมายก็มีไม่มากพอที่จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเองได้ เพราะเหตุนี้จึงต้องมีทนายความที่ปรึกษาเพื่อเป็นที่ปรึกษาในยามที่คุณเดือดร้อน ต้องการที่พึ่งพึงทางด้านกฎหมาย และแน่นอนว่าทนายความที่ปรึกษาที่พร้อมและยินดีจะเป็นที่ปรึกษาให้กับคุณในทุกเรื่องร้อนใจต้องที่ สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์

ทำไมถึงจ้างเรา #สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ เสียงจากผู้เสียงหายจริง

           คลิปวิดีโอข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเสียงจากลูกความหลังจากใช้บริการทนายความที่ปรึกษาในการดำเนินคดีความให้เท่านั้น ยังมีอีกหลายเรื่องราว หลายคดีความที่สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ ให้บริการในการดำเนินคดีรวมไปถึงเป็นทนายความที่ปรึกษาให้กับคดีเล็ก คดีใหญ่อีกมากมาย ในหัวข้อเนื้อหาถัดไปเราจะมานำเสนอให้ทุกท่านได้ชมกันอย่างแน่นอน  เพราะทนายความที่ปรึกษาที่พร้อมจะรับฟังทุกปัญหาในเรื่องทุกข์ใจของคุณให้เราเป็นทนายความที่ปรึกษา เพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้อง ถูกจุด และที่สำคัญถูกต้องตามขั้นตอนของหลักกฎหมาย ดำเนินคดีความอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้คุณได้รับความเป็นธรรมอย่างถึงที่สุดต้องที่ สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์

ทีมทนายความที่พร้อมให้คำปรึกษาต้องที่ สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์

          สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ เรามีทีมทนายความที่ปรึกษาที่พร้อมรับฟังทุกปัญหาของผู้มาใช้บริการ เพราะสำนักงานของเรายึดมั่นในในการบริการทางด้านกฎหมาย  ด้วยประสบการณ์มากกว่า 10 ปี และเรามีทีมทนายความมากประสบการณ์ นำทีมโดยทนายอาร์ม ศุภสิทธิ์  ศิริ ที่พร้อมและยินดีให้บริการคุณในทุกเรื่องเดือดร้อน ทุกเรื่องทุกข์ใจ ไม่ว่าคุณจะประสบปัญหาใด คดีความใด จะหนักหนาหรือสาหัสมากเพียงไหนให้ สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ เป็นทนายความที่ปรึกษาให้กับคุณในการแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด วางแผนรูปคดีอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเทคนิคและวิธีการทางกฎหมายที่ได้สั่งสมมาไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนตามหลักขั้นตอนทางกฎหมายทุกประการ ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็สามารถมีทนายความที่ปรึกษาได้โดยที่ไม่ต้องรอให้มีคดีความหรือมีเรื่องราวถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลก่อน เพราะทนายความที่ปรึกษาจะให้ปรึกษา คำแนะนำ แนะแนวทางในทุกเรื่องไม่ว่าคุณจะกระทำสิ่งใด ไม่ว่าจะในเรื่องของธุรกิจ การทำงาน ครอบครัว รวมไปถึงเรื่องอื่น ๆ ที่คุณสนใจด้วย ดังนั้น การมีทนายความที่ปรึกษาถือเป็นเรื่องที่ดี อย่าคิดว่าคุณเป็นเพียงบุคคลธรรมดาทั่วไป ไม่ใช่นักธุรกิจหรือนักลงทุนใด ๆ  ไม่จำเป็นต้องมีทนายความที่ปรึกษาก็ได้ ก็จริงอยู่แต่เป็นในยุคสมัยก่อนที่สังคมจะเต็มไปด้วยปัญหา เต็มไปด้วยมิจฉาชีพเกลื่อนเมืองเหมือนอย่างทุกวันนี้ การมีทนายความที่ปรึกษาจะช่วยให้คุณอุ่นใจได้ตลอดเวลา เพราะคุณมีที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายอยู่ใกล้ตัว อยากจะปรึกษา หรือสอบถามเรื่องใดก็ง่าย และสอบถามได้ตลอดเวลา อีกทั้งทนายความที่ปรึกษายังเป็นผู้ที่จะอยู่เคียงข้างคุณตั้งแต่วันที่คุณมีปัญหา จนถึงวันที่คุณผ่านพ้นช่วงปัญหาไปในที่สุด