ไทยท่ามกลางความตึงเครียดจีน-สหรัฐ :ผลกระทบและมุมมองทางกฎหมาย

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น จากประเด็นหลากหลาย ตั้งแต่สงครามการค้า เทคโนโลยี ไปจนถึงปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ความขัดแย้งดังกล่าวไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในสองประเทศมหาอำนาจเท่านั้น แต่ยังส่งแรงสั่นสะเทือนต่อประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาสมดุลระหว่างผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย

ประเทศไทยในฐานะประเทศกำลังพัฒนา ที่มีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นทั้งด้านเศรษฐกิจ การทูต และความมั่นคงกับทั้งสหรัฐอเมริกาและจีน กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จากการเผชิญหน้าทางยุทธศาสตร์ของสองชาติมหาอำนาจนี้ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไม่เพียงส่งผลต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ แต่ยังลุกลามไปถึงมิติของการต่างประเทศ กฎหมาย ความมั่นคง และโครงสร้างการพัฒนาในระยะยาว

🏦ผลกระทบทางเศรษฐกิจ: การค้าและการลงทุน

ประเทศไทยเป็นประเทศที่พึ่งพาการค้าระหว่างประเทศอย่างสูง โดยมูลค่าการค้าสินค้าระหว่างประเทศของไทยคิดเป็นกว่า 80% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการส่งออกและนำเข้าในระบบเศรษฐกิจไทย

หนึ่งในเส้นทางคมนาคมทางทะเลที่สำคัญของการค้าระหว่างประเทศของไทยคือทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือสายหลักที่เชื่อมต่อไทยกับตลาดโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน ตลอดจนเส้นทางเดินเรือไปยังสหรัฐอเมริกาและยุโรป

อย่างไรก็ตาม การที่จีนมีบทบาทเชิงรุกในทะเลจีนใต้ เช่น การสร้างเกาะเทียม การติดตั้งอุปกรณ์ทางทหาร และการประกาศสิทธิ์อธิปไตยในพื้นที่พิพาท ได้ก่อให้เกิดความวิตกกังวลในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะในด้านเสรีภาพในการเดินเรือ (freedom of navigation) ซึ่งเป็นหลักการสำคัญที่รับรองการค้าระหว่างประเทศ

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับไทย ได้แก่:

  • ต้นทุนโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้น หากเส้นทางการเดินเรือไม่ปลอดภัย หรือถูกควบคุมโดยจีน อาจทำให้บริษัทขนส่งต้องเลือกเส้นทางอื่นที่ยาวและมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น
  • ความไม่แน่นอนในการลงทุน นักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ หรือพันธมิตรในตะวันตก อาจชะลอการลงทุนในไทย หากมองว่าไทยอยู่ในตำแหน่งเสี่ยงหรือใกล้จุดขัดแย้ง
  • แรงกดดันทางเศรษฐกิจแบบอ้อม จากการที่ไทยต้องรักษาความสัมพันธ์กับทั้งจีนและสหรัฐฯ ในขณะที่ทั้งสองประเทศกำลังแข่งขันกันทางการค้า เช่น การเลือกใช้เทคโนโลยีของฝั่งใดฝั่งหนึ่ง หรือการเข้าร่วมข้อตกลงการค้าเฉพาะกลุ่ม

ด้วยเหตุนี้ ความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ไม่เพียงส่งผลโดยตรงต่อการขนส่งสินค้าเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อสภาพแวดล้อมการลงทุนและทิศทางเศรษฐกิจโดยรวมของไทยในระยะยาว

🤝ผลกระทบทางภูมิรัฐศาสตร์: ความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ประเทศไทยตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งทั้งกับจีนและสหรัฐอเมริกา ทั้งในด้านการทูต เศรษฐกิจ และความมั่นคง โดยจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทย ในขณะที่สหรัฐอเมริกายังเป็นพันธมิตรทางทหารที่สำคัญ และมีการซ้อมรบร่วมกันในโครงการต่าง ๆ เช่น “คอบบร้าโกลด์” มาอย่างยาวนาน

อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวเชิงยุทธศาสตร์ของจีนในภูมิภาค รวมถึงในอ่าวไทย ได้สร้างความกังวลต่อเสถียรภาพในภูมิภาค โดยเฉพาะเมื่อจีนมีโครงการขนาดใหญ่ เช่น:

  • คลองฟูนันเตโช (โครงการสมมุติในลักษณะคลองไทย) ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะเชื่อมต่อทะเลอันดามันกับอ่าวไทย และเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่อาจส่งผลต่อการควบคุมเส้นทางเดินเรือในภูมิภาค
  • สนามบินดาราสาคร ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การขยายอิทธิพลทางทหารของจีน โดยมีข้อกังวลว่าโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้อาจถูกใช้เพื่อการทหารในอนาคต

การที่จีนขยายบทบาทในไทยและภูมิภาคในลักษณะนี้ ทำให้สหรัฐอเมริกามีแนวโน้มตอบโต้ด้วยการเพิ่มความร่วมมือด้านความมั่นคงกับประเทศพันธมิตรในอาเซียน หรืออาจพิจารณาวางกำลังทหารในพื้นที่สำคัญของไทยหากสถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้น เช่น ในพื้นที่ใกล้ช่องแคบมะละกา หรืออ่าวไทยตอนล่าง

ผลกระทบที่ตามมาคือ:

  • ไทยอาจตกอยู่ในภาวะ “สมดุลที่ลำบาก” ต้องประคับประคองความสัมพันธ์กับทั้งสองฝ่ายอย่างระมัดระวัง
  • ความเสี่ยงต่อการเป็นพื้นที่แข่งขันทางอำนาจ ซึ่งอาจกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ถูกรบกวน หากเกิดความขัดแย้งหรือการเผชิญหน้าโดยตรง
  • แรงกดดันให้เลือกข้างทางยุทธศาสตร์ เช่น การเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมพันธมิตรทางทหารหรือเศรษฐกิจอย่าง Indo-Pacific Economic Framework (IPEF) ของสหรัฐฯ หรือ Belt and Road Initiative (BRI) ของจีน

ในภาพรวม ความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ กำลังกดดันให้ไทยต้องวางยุทธศาสตร์นโยบายต่างประเทศอย่างรอบคอบ เพื่อรักษาผลประโยชน์แห่งชาติ ท่ามกลางการแข่งขันของสองขั้วอำนาจโลก

✅สิ่งที่ประเทศไทยสามารถทำได้ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ

เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติและเสถียรภาพในภูมิภาค ต่อไปนี้คือกลยุทธ์ที่ประเทศไทยสามารถนำไปใช้:

1. การเสริมสร้างความเป็นกลางทางการทูต

ประเทศไทยสามารถรักษาบทบาทของตนในฐานะผู้เล่นที่เป็นกลาง โดยสนับสนุนการทูต การเจรจา และการแก้ไขข้อขัดแย้งด้วยสันติวิธี ผ่านการรักษาความสัมพันธ์ที่สมดุลกับทั้งจีนและสหรัฐฯ โดยทำหน้าที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ยหรือส่งเสริมการเจรจาในฟอรัมระดับภูมิภาค เช่น อาเซียน, การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก, และความร่วมมือในกรอบ APEC การรักษาความเป็นกลางทางการทูตนี้จะช่วยเสริมสร้างบทบาทของไทยในการเป็นสะพานเชื่อมระหว่างสองมหาอำนาจและคุ้มครองอธิปไตยและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ

2. การกระจายแหล่งการค้าและการลงทุน

เพื่อหลีกเลี่ยงการพึ่งพาประเทศใดประเทศหนึ่งมากเกินไป ประเทศไทยสามารถกระจายแหล่งการค้าและแหล่งการลงทุน โดยการสำรวจตลาดใหม่และเสริมสร้างความสัมพันธ์กับพันธมิตรทั่วโลก เช่น สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น อินเดีย และออสเตรเลีย การกระจายแหล่งการค้าจะช่วยให้ไทยสามารถลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาจีนและสหรัฐฯ มากเกินไป ซึ่งจะช่วยปกป้องเศรษฐกิจจากความไม่แน่นอนที่เกิดจากความตึงเครียดทางการเมืองโลก

3. การเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงในภูมิภาค

ประเทศไทยควรเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงทั้งในอาเซียนและกับพันธมิตรจากภายนอก โดยการรักษาความร่วมมือทางทหารกับสหรัฐฯ ไปพร้อมๆ กับการเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงกับจีนในด้านต่าง ๆ เช่น การต่อต้านการก่อการร้าย การรับมือภัยพิบัติ และความมั่นคงทางทะเล การเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงทั้งสองฝ่ายจะช่วยให้ประเทศไทยมีความมั่นคงในท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงในภูมิภาค

4. การส่งเสริมความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจและนวัตกรรม

นอกจากการรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตแล้ว ไทยยังควรมุ่งเน้นในการสร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ โดยการลงทุนในภาคส่วนสำคัญ เช่น เทคโนโลยี นวัตกรรม และพลังงานสีเขียว เพื่อลดการพึ่งพาภายนอกและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว การเสริมสร้างอุตสาหกรรมในประเทศและการสนับสนุนผู้ประกอบการในประเทศจะช่วยให้ไทยสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกได้ดีขึ้น

5. การส่งเสริมการบูรณาการทางเศรษฐกิจในภูมิภาค

ประเทศไทยสามารถมีบทบาทในการส่งเสริมการบูรณาการทางเศรษฐกิจในภูมิภาค เช่น การเข้าร่วมในความร่วมมือทางเศรษฐกิจ Regional Comprehensive Economic Partnership (RCEP) หรือ Indo-Pacific Economic Framework (IPEF) ของสหรัฐฯ เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าภายในภูมิภาค ขณะเดียวกันก็ต้องมั่นใจว่าไทยจะไม่ตกอยู่ในภาวะที่ต้องเลือกข้างในการแข่งขันทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ การบูรณาการทางเศรษฐกิจจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เสถียรและร่วมมือกันในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลดความเสี่ยงจากความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น

💢มุมมองทางกฎหมาย: บทบาทของทนายความในภาวะความขัดแย้งระหว่างจีน-สหรัฐฯ

ทนายความ โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายการค้าระหว่างประเทศ และกฎหมายความมั่นคง มีบทบาทสำคัญหลายประการในการช่วยให้ทั้งภาครัฐและเอกชนของไทยสามารถรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

🔎 1. ให้คำปรึกษาเชิงยุทธศาสตร์

  • การตีความอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล (UNCLOS)
  • กฎระเบียบขององค์การการค้าโลก (WTO)
  • การเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมพันธมิตรเศรษฐกิจ เช่น IPEF หรือ RCEP

⚖️ 2. การจัดการความเสี่ยงด้านกฎหมายให้ภาคเอกชน

  • ตรวจสอบสัญญาระหว่างประเทศ
  • ปรับข้อกำหนดการค้าให้สอดคล้องกับข้อจำกัดใหม่
  • แนะนำการดำเนินธุรกิจที่ไม่ละเมิดกฎหมายคว่ำบาตรระหว่างประเทศ

🕊️ 3. การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างประเทศ

หากเกิดข้อพิพาทในเรื่องเขตแดน เศรษฐกิจ หรือทรัพยากรทางทะเล ไทยอาจต้องพึ่งพากระบวนการระงับข้อพิพาท เช่น อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ หรือการเจรจาภายใต้กลไกของสหประชาชาติ

ทนายความที่มีความเชี่ยวชาญในกระบวนการเหล่านี้สามารถ:

  • ทำหน้าที่แทนประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ
  • จัดทำเอกสารหลักฐานและข้อกฎหมายสนับสนุนจุดยืนของประเทศ
  • เจรจาเพื่อลดความขัดแย้งและหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า

สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์มองว่า ความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจเช่นนี้จำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมเชิงกฎหมาย โดยเฉพาะในด้านการทำธุรกิจระหว่างประเทศ การจัดการสัญญา และการวางกลยุทธ์ทางกฎหมายที่ลดความเสี่ยงในอนาคต ทั้งภาครัฐและเอกชนสามารถขอคำปรึกษาได้ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาททางการค้า การลงทุน และกฎหมายที่เกี่ยวเนื่องกับนโยบายต่างประเทศ

นอกจากนี้ หากมีเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจหรือผลประโยชน์ของบุคคลหรือองค์กร ไม่ว่าจะเกิดขึ้นแล้วหรือมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในอนาคต ทางสำนักงานฯ ก็พร้อมให้คำปรึกษาและแนวทางการดำเนินการทางกฎหมายอย่างเหมาะสม

บทบาทของทนายจึงไม่ใช่แค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ยังรวมถึงการวางแนวทางป้องกันและรักษาผลประโยชน์ของไทยในบริบทโลกที่ซับซ้อนมากขึ้น

อ้างอิงจากเว็บไซต์ :  มติชนออนไลน์thac.or.th+3The 101+3มติชนออนไลน์+3

เขียนโดย :วรารัตน์ วงโพธิสาร (นักศึกษาฝึกประสบการณ์ภาษาจีน)

“พาสปอร์ตไทยซื้อได้?” โซเชียลเดือด หลังพบป้ายจีนโฆษณาแปลงสัญชาติกลางกรุง

กลายเป็นกระแสร้อนบนโลกออนไลน์ หลังผู้ใช้โซเชียลมีเดียเผยแพร่ภาพป้ายโฆษณาภาษาจีนบริเวณ สี่แยกห้วยขวาง ซึ่งมีใจความแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า:
“ซื้อพาสปอร์ตอพยพด่วน ได้รับสัญชาติถูกกฎหมาย 100% ภายใน 30 วัน ปลอดภัย เป็นความลับ ทำก่อน จ่ายทีหลัง”

ข้อความดังกล่าวสร้างความตกตะลึงแก่ผู้พบเห็นและตั้งคำถามใหญ่ถึง ความมั่นคงของระบบสัญชาติไทย ว่าสามารถถูกแทรกแซงหรือซื้อขายได้จริงหรือไม่

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ได้เร่งเข้าตรวจสอบพื้นที่และทำการรื้อถอนป้ายดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นการหลอกลวงหรือมีขบวนการแอบแฝงอยู่เบื้องหลัง

ป้ายเดียว สะท้อนหลายคำถาม

ไม่เพียงข้อความบนป้ายจะส่งแรงกระเพื่อมด้านภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ แต่ยังจุดกระแสคำถามจากสาธารณชนในประเด็นสำคัญ เช่น

  • เหตุใดพื้นที่สาธารณะในย่านใจกลางกรุงจึงกลายเป็นช่องทางเผยแพร่โฆษณาทางลับลักษณะนี้ได้?
  • การแอบอ้าง “ทำก่อน จ่ายทีหลัง” มีความเกี่ยวพันกับการหลอกลวง หรือมีเครือข่ายดำเนินการอยู่จริง?
  • ข้อความที่อ้างว่า “ได้รับสัญชาติถูกกฎหมาย 100%” บ่งชี้ถึง ช่องโหว่ของระบบราชการ หรือไม่?

นอกจากนี้ การที่ข้อความถูกเขียนด้วยภาษาจีนทั้งหมด และมีการแนบ QR Code สำหรับติดต่อผ่านแอปยอดนิยมในจีน เช่น WeChat หรือ Douyin (TikTok จีน) ยังสะท้อนว่าเป้าหมายของโฆษณานี้คือ กลุ่มชาวจีนที่พำนักหรือพยายามเข้ามาตั้งถิ่นฐานในไทย

ห้วยขวาง: ย่านเศรษฐกิจใหม่ หรือฐานปฏิบัติการเงา?

พื้นที่ห้วยขวาง—ซึ่งปัจจุบันมีประชากรชาวจีนอาศัยอยู่จำนวนมาก จนถูกขนานนามว่า “ไชน่าทาวน์ใหม่” ของกรุงเทพฯ—กำลังกลายเป็นจุดสนใจด้านความมั่นคงอีกครั้ง

แหล่งข่าวในพื้นที่ระบุว่า มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มทุนต่างชาติบางกลุ่มที่พยายาม “ตั้งหลัก” ในไทย ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น การซื้ออสังหาริมทรัพย์ การจัดตั้งบริษัท หรือแม้กระทั่งการแอบอ้างดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารราชการ

“ข้อความในป้ายมันไม่ใช่แค่หลอกให้โอนเงิน มันสะท้อนว่าเขา ‘กล้าทำ’ เพราะเชื่อว่ามีทาง” – ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายตรวจคนเข้าเมือง กล่าว

ทำไมชาวจีนบางกลุ่มถึงอยากได้พาสปอร์ตไทย?

แม้สัญชาติไทยจะไม่ใช่ “golden passport” แบบในบางประเทศยุโรป แต่ก็มีคุณสมบัติที่น่าสนใจสำหรับชาวต่างชาติบางกลุ่ม เช่น:

  • เดินทางเข้าหลายประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า
  • เข้าถึงระบบสาธารณสุขไทยที่ได้รับการยอมรับ
  • สามารถเป็นเจ้าของที่ดิน หรือเปิดบริษัทในนามคนไทยได้
  • ใช้เป็นจุดพักอาศัยหรือ “ประตู” เข้าสู่ ASEAN

“30 วัน ได้สัญชาติ มันไม่ใช่เรื่องง่าย แม้แต่คนต่างชาติที่แต่งงานกับคนไทยยังต้องรอกันเป็นปี ๆ”ข้าราชการกรมการปกครอง กล่าว

📣 เสียงสะท้อนจากโซเชียล และมุมมองจากทนายความ

ผู้ใช้ X (Twitter), Facebook และ TikTok จำนวนมากแสดงความไม่พอใจต่อเหตุการณ์นี้ พร้อมตั้งคำถามต่อระบบควบคุมคนเข้าเมือง และการปล่อยให้พื้นที่สาธารณะถูกใช้เพื่อ “โฆษณาการแปลงสัญชาติ” อย่างเปิดเผย

ขณะเดียวกัน ทนายความและนักกฎหมายด้านสิทธิมนุษยชนหลายรายก็ออกมาแสดงความกังวลในอีกมุมหนึ่ง โดยชี้ว่า แม้การโฆษณาแอบอ้างสามารถให้สัญชาติจะผิดกฎหมาย แต่การตอบสนองต่อเหตุการณ์เช่นนี้ต้องไม่ล้ำเส้นจนไปละเมิดสิทธิของผู้พำนักในไทยอย่างถูกกฎหมาย หรือใช้เป็นข้ออ้างในการ “ตีตรา” คนต่างชาติทุกกลุ่ม

“กฎหมายไทยไม่ได้เปิดให้ซื้อสัญชาติได้แบบในบางประเทศ แต่ในขณะเดียวกัน เราต้องระวังไม่ใช้กรณีนี้เป็นเหตุผลในการเลือกปฏิบัติต่อชาวต่างชาติที่พำนักอย่างสุจริต”

ทางด้าน สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ ขอแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า ไม่เห็นด้วย และไม่สนับสนุนการซื้อขายพาสปอร์ตหรือการแอบอ้างกระบวนการเปลี่ยนสัญชาติอย่างผิดกฎหมายในทุกกรณี เพราะเป็นการบ่อนทำลายหลักนิติธรรมและความมั่นคงของประเทศเรายินดีให้คำปรึกษาแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกรณีลักษณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ถูกหลอกลวง ชาวต่างชาติที่ต้องการความเข้าใจถูกต้องเกี่ยวกับสิทธิและขั้นตอนทางกฎหมาย หรือคนไทยที่ได้รับผลกระทบทางกฎหมายหรือชื่อเสียงจากเหตุการณ์เหล่านี้ ติดต่อเราเพื่อความยุติธรรมและป้องกันการถูกโกงจากภัยรอบตัวคุณ 

อ้างอิงจากเว็บไซต์ : มองการเข้ามาของคนจีนผ่านข่าว “การซื้อพาสปอร์ต” ที่ห้วยขวาง – สถาบันเอเชียศึกษา

เขียนโดย :วรารัตน์ วงโพธิสาร (นักศึกษาฝึกประสบการณ์ภาษาจีน)

คนจีนรับคนไทยเป็นบุตรบุญธรรม เจาะลึกสิทธิรับมรดก และข้อกฎหมายข้ามชาติที่หลายคนไม่รู้!

ในยุคโลกไร้พรมแดน ความสัมพันธ์ข้ามชาติกลายเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นการแต่งงาน การทำธุรกิจ หรือแม้แต่ “การรับบุตรบุญธรรม” แต่เมื่อคนจีนต้องการรับ “คนไทย” เป็นบุตรบุญธรรม คำถามใหญ่ก็เกิดขึ้นว่า สามารถทำได้หรือไม่? และหากผู้รับเป็นบิดาหรือมารดาบุญธรรมเสียชีวิต บุตรบุญธรรมชาวไทยจะมีสิทธิในมรดกหรือเปล่า? วันนี้สำนักงานวงศกรณ์มีคำตอบ และจะพาไปเจาะลึกกฎหมายทั้งไทยและจีน พร้อมบทวิเคราะห์จากทนายความด้านครอบครัวโดยเฉพาะ

🔹 1. คนจีนสามารถรับคนไทยเป็นบุตรบุญธรรมได้หรือไม่?

คำตอบคือ “สามารถทำได้” แต่ยังคงต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขทางกฎหมายที่เข้มงวดและซับซ้อน เนื่องจากเป็นกรณีข้ามชาติ ต้องมีกระบวนการที่รองรับจากทั้งฝ่ายไทยและจีน

▶️ ฝั่งประเทศไทย

ตาม พระราชบัญญัติการรับบุตรบุญธรรม พ.ศ. 2522 และ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1598/19–1598/41
การรับบุตรบุญธรรมต้องยื่นผ่าน กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) โดยมีขั้นตอนสำคัญดังนี้:

  • ผู้ขอรับต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี และแก่กว่าผู้ถูกขอรับอย่างน้อย 15 ปี
  • ต้องแสดงหลักฐานด้านรายได้ ความสามารถในการเลี้ยงดู
  • กรณีชาวต่างชาติ ต้องผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติและประวัติอย่างละเอียด
  • ต้องมีการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมอย่างเป็นทางการที่สำนักงานเขต หรืออำเภอ

▶️ ฝั่งประเทศจีน

ภายใต้ Adoption Law of the People’s Republic of China (1991, revised 1998)
การรับบุตรบุญธรรมในจีนต้องเป็นไปตามเกณฑ์ต่อไปนี้:

  • ผู้รับบุตรบุญธรรมต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 30 ปี
  • ต้องไม่มีบุตรของตนเอง หรือหากมีแล้ว ต้องแสดงเหตุผลชัดเจนว่าทำไมยังต้องการรับ
  • ต้องลงทะเบียนรับรองกับ หน่วยงาน Civil Affairs Bureau ของท้องถิ่น
  • สำหรับการรับคนต่างชาติเป็นบุตรบุญธรรม อาจต้องได้รับการอนุมัติระดับกระทรวง หรือผ่านสนธิสัญญาระหว่างประเทศ

🔹 2. บุตรบุญธรรมมีสิทธิรับมรดกหรือไม่?

หากการรับบุตรบุญธรรมถูกต้องตามกฎหมายในทั้งสองประเทศ บุตรบุญธรรมย่อมมี สิทธิรับมรดกเช่นเดียวกับบุตรโดยสายเลือด ทั้งในแง่ของทรัพย์สินที่อยู่ในไทยหรือในจีน

▶️ กฎหมายไทยที่เกี่ยวข้อง:

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1627

“บุตรบุญธรรมเป็นทายาทโดยธรรมในลำดับชั้นเดียวกับบุตรชอบด้วยกฎหมาย”

▶️ กฎหมายจีนที่เกี่ยวข้อง:

Civil Code of the PRC, Book VI – Inheritance Law (2021)

“บุตรบุญธรรมที่จดทะเบียนถูกต้อง มีสิทธิรับมรดกเช่นเดียวกับบุตรแท้”อย่างไรก็ตาม สิทธิในการรับมรดกอาจ ขึ้นอยู่กับการรับรองความถูกต้องของการจดทะเบียนในแต่ละประเทศ หากมีปัญหาเรื่องการรับรองเอกสาร หรือบุตรบุญธรรมไม่ได้จดทะเบียนตามขั้นตอนครบถ้วน อาจทำให้ถูกตัดสิทธิ

🔹 3. ความท้าทายของการรับบุตรบุญธรรมข้ามชาติ

แม้ในทางกฎหมายจะสามารถดำเนินการได้ แต่ในทางปฏิบัติ การรับบุตรบุญธรรมข้ามชาติ เต็มไปด้วยอุปสรรค เช่น:

  • ความแตกต่างของกฎหมายทั้งสองประเทศ
  • ภาษาเอกสารและคำแปลที่ต้องได้รับการรับรอง
  • กระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติที่ยาวนานและเข้มงวด
  • ความยุ่งยากในการจดทะเบียนข้ามประเทศ รวมถึงความเสี่ยงเรื่องไม่รับรองเอกสารซึ่งกันและกัน

กรณีแบบนี้ หากไม่มีทนายที่เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศหรือสิทธิมรดก อาจทำให้การรับบุตรบุญธรรม “ตกหล่นทางกฎหมาย” และไม่มีผลบังคับจริง

🔹 4. อย่ามองข้ามบทบาททนาย! ทนายช่วยให้เรื่องยาก กลายเป็นเรื่องง่ายกว่าที่คิด

การรับบุตรบุญธรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะกรณีที่มีบุคคลสองสัญชาติอย่าง “คนจีนกับคนไทย” เกี่ยวข้องกับ กฎหมายสองประเทศ ระบบราชการหลายชั้น และเอกสารทางกฎหมายข้ามภาษา ทนายความที่เชี่ยวชาญจึงมีบทบาทสำคัญมากในทุกขั้นตอน

✅ บทบาทของทนายความ:

  • ให้คำแนะนำทางกฎหมายทั้งสองฝั่ง (ไทย-จีน)
  • ดำเนินการแปลเอกสาร รับรองเอกสาร และติดต่อหน่วยงานรัฐ
  • ช่วยตรวจสอบการจดทะเบียนให้สมบูรณ์เพื่อคุ้มครองสิทธิในอนาคต
  • เป็นตัวกลางประสานกับกรมกิจการเด็กฯ, กระทรวงการต่างประเทศ และสถานทูต
  • หากมีการเสียชีวิตของผู้รับบุตร ทนายสามารถดำเนินคดีแบ่งมรดกในศาลให้ได้

การรับบุตรบุญธรรมข้ามชาติไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้ แต่ต้องอาศัยความรู้ทางกฎหมายและความร่วมมือจากหลายฝ่าย หากดำเนินการอย่างถูกต้อง บุตรบุญธรรม แม้ต่างสัญชาติ ก็สามารถมีสิทธิในครอบครัวและมรดกได้เช่นเดียวกับบุตรแท้ ในคดีที่ซับซ้อนแบบนี้ บางคนอาจคิดว่าทำเองได้ แต่จริง ๆ แล้ว ถ้าพลาดขั้นตอนแม้แต่ขั้นเดียว สิทธิของบุตรบุญธรรมอาจหายไปตลอดชีวิต 

สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์มีความเชี่ยวชาญในคดีแนวครอบครัวและมรดกเป็นอย่างดี ทั้งทีมทนายความ หรือผู้ช่วยทนายความเองทุกคนล้วนแต่มีความชำนาญในการทำคดีประเภทนี้ในกรณีที่แตกต่างกันออกไป ผู้เสียหายท่านใดที่ต้องการให้เราทำคดีประเภทนี้ให้ไม่ต้องกังวลใจ สามารถปรึกษาได้ทุกกรณีเกี่ยวกับคดีผู้บริโภค   เพื่อให้คุณได้รับผลประโยชน์สูงสุด >>ติดต่อเรา << 

อ้างอิงจากเว็บไซต์ : หลักเกณฑ์การรับบุตรบุญธรรม – Closelawyer

เขียนโดย :วรารัตน์ วงโพธิสาร (นักศึกษาฝึกประสบการณ์ภาษาจีน)

คนจีนฆ่ากันเอง! พร้อมจัดฉากโยนความผิดให้คนไทย

คดีฆาตกรรมระหว่างชาวจีนในประเทศไทยกลายเป็นประเด็นร้อนเมื่อผู้ต้องสงสัยพยายามโยนความผิดให้กับคนไทย โดยการสร้างหลักฐานเท็จและกล่าวหาผู้บริสุทธิ์ในท้องถิ่น แต่คำถามที่สำคัญกลับเป็นว่า การโยนความผิดให้กับคนไทยในประเทศที่มีระบบการตรวจสอบกฎหมายที่เข้มงวดและละเอียดนั้นทำได้ง่ายจริงหรือ? วันนี้สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์จะพาทุกท่านไปติดตามการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยที่ไม่ปล่อยให้หลักฐานใดๆ หลุดรอด พร้อมทั้งการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเต็มที่เพื่อให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่ายพร้อมัท้งคำแนะนำจากทนายในการสู้คดีความของญาติผู้เสียชีวิต

ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2567, ญาติของ Ms.YAN หญิงชาวจีนวัย 38 ปี ได้แจ้งความกับ สน.บางรัก กทม. ว่าหายตัวไปอย่างลึกลับหลังจากเดินทางมาประเทศไทย จากการสืบสวนของตำรวจพบว่า โทรศัพท์มือถือของ Ms.YAN ถูกใช้ครั้งสุดท้ายที่สวนธารณะใกล้กับ วัดโสธรวราราม ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นจุดที่พบหลักฐานสำคัญในการตรวจสอบต่อมา นอกจากนี้ยังพบการใช้ระบบการจ่ายเงินออนไลน์ WeChat Pay ที่ห้าง คาร์ฟูร์ มาเก๊า ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ได้เบาะแสที่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม

โยนความผิดให้คนไทยไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด? – กฎหมายไทยไม่ได้ปล่อยผ่าน!

ในคดีนี้ ผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ซึ่งเป็นชาวจีนได้พยายามโยนความผิดให้กับคนไทย โดยการตั้งข้อสงสัยว่าเป็นฝีมือของบุคคลท้องถิ่นที่อาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ ทว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยได้รวบรวมหลักฐานที่ชัดเจน ซึ่งรวมถึงข้อมูลการใช้งานโทรศัพท์มือถือและการใช้ระบบการจ่ายเงินออนไลน์ที่ไม่ตรงกับข้อกล่าวหา จึงทำให้การสอบสวนในไทยดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและเปิดเผยความจริงในที่สุด แต่คำถามสำคัญคือ: การโยนความผิดให้กับคนไทยในประเทศไทยนั้นมันทำได้ง่ายจริงหรือ?

คำตอบคือ ไม่ง่าย อย่างที่หลายคนคิด เพราะประเทศไทยมี กระบวนการตรวจสอบที่ละเอียดและเข้มงวด ทั้งในด้านการเก็บหลักฐานและการสืบสวนที่ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดการคดีอาญาที่ซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นการใช้เทคโนโลยีในการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ การใช้งานระบบจ่ายเงินออนไลน์ หรือการตรวจสอบพยานหลักฐานจากสถานที่เกิดเหตุกฎหมายไทยมี มาตรการควบคุมและการตรวจสอบอย่างละเอียด รวมถึงการใช้ ระบบนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อยืนยันความถูกต้องของข้อมูล เช่น การตรวจสอบข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือของผู้เสียชีวิต และการยืนยันการใช้บริการ WeChat Pay ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถตัดข้อสงสัยในประเด็นที่ผู้ต้องสงสัยพยายามโยนความผิดให้คนไทยได้อย่างชัดเจน

หลักฐานเป็นตัวแปรสำคัญ! อย่าคิดว่าจะหนีจากคดีได้

คดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในประเทศไทยแน่นอนว่าจะต้องได้รับการดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายไทยอย่างครบถ้วน โดยใช้ กฎหมายอาญาของประเทศไทย เป็นเครื่องมือหลักในการสอบสวน ในกรณีนี้ มาตรา 288 ของประมวลกฎหมายอาญา ระบุว่า ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการฆ่าคนตายจะได้รับโทษสูงสุดซึ่งอาจเป็นการประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต

เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยได้ใช้หลักฐานจากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของผู้เสียชีวิต และการใช้งาน WeChat Pay ในการชี้ชัดข้อเท็จจริง ทำให้สามารถแยกแยะได้ว่าเป็นการฆาตกรรมที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องสงสัยเอง ไม่ใช่การกระทำของคนไทย ดังนั้นผุ้ต้องสงสัยไม่สามารถทำลายหลักฐานได้ทั้งหมด ดังนั้นถึงแม้จะเป็นหลักฐานอันน้อยนิด แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นตัวแปรสำคัญในการจับคนร้ายได้อยู่ดี

หากมั่นใจว่าเป็นการฆ่าคนชาติเดียวกัน ต้องส่งตัวไปยังจีนไหม ?

ในกรณีที่มีการตรวจสอบและพบว่า ผู้ต้องสงสัยเป็นชาวจีน ซึ่งอาจมีความเชื่อมโยงกับคดีฆาตกรรมในประเทศจีน เจ้าหน้าที่ไทยสามารถส่งตัวผู้ต้องสงสัยไปยังจีนได้ตามกระบวนการทางกฎหมายระหว่างประเทศ โดยอาศัย สนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน และกระบวนการทางการทูตในการส่งตัวผู้ต้องหากลับไปยังประเทศของตน

อย่างไรก็ตาม ในกรณีนี้ประเทศไทยจะยังคงเป็นเจ้าภาพในการดำเนินการสอบสวนตามกฎหมายไทย และหากมีการขอส่งตัวผู้ต้องหากลับประเทศจีน เจ้าหน้าที่ไทยจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและขั้นตอนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เราจะเห็นได้ว่าหลักฐานที่ทางตำรวจไทยมีนั้นเพียงพอที่จะตามจับคนร้ายได้ไม่ยาก เพียงแค่ต้องใช้เวลาในการสืบตัวหากผู้ต้องสงสัยอยู่ต่างประเทศ จึงจำเป็นที่จะต้องประสานกับประเทศนั้นด้วย 

  • การติดตามเส้นทางรถเช่า – ติดตาม GPS ของรถเช่าผู้ต้องสงสัยที่ไปยังหลายจุด
  • หลักฐานจากกล้องวงจรปิด – พบภาพจากกล้องวงจรปิดที่แสดงการเคลื่อนไหวของผู้ต้องสงสัย
  • หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ – พบเลือดและตัวอย่าง DNA ที่อาจเกี่ยวข้องกับคดี
  • การเผาทรัพย์สิน – พบกระเป๋าและทรัพย์สินของผู้สูญหายถูกเผา
  • การสืบสวนต่อเนื่อง – ตำรวจยังคงค้นหาหลักฐานเพิ่มเติมและสอบสวนในพื้นที่ต่าง ๆ

จากคดีนี้เห็นได้ชัดว่า กฎหมายไทยสามารถจัดการกับคดีฆาตกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีระบบการสืบสวนที่แข็งแกร่ง การทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ทั้งในประเทศและต่างประเทศทำให้การเปิดเผยความจริงเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว แม้ในกรณีที่มีความพยายามในการโยนความผิดให้กับคนไทย คดีนี้จึงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อนถึงความเข้มงวดของกฎหมายและการตรวจสอบในประเทศไทย

ญาติผู้ตายจ้างทนายช่วยเดินเรื่อง – ฟ้อง, สืบ, เรียกร้องความยุติธรรมครบวงจร

ในกรณีนี้ ครอบครัวของ Ms.YAN สามารถจ้างทนายเพื่อให้ช่วยดำเนินการตามกฎหมายและเรียกร้องความยุติธรรมให้กับผู้ตายได้อย่างถึงที่สุด โดยทนายความมีบทบาทสำคัญในการดูแลทุกขั้นตอนของคดี ทั้งในด้านการสืบสวน การจัดการหลักฐาน และการพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการปล่อยปละละเลยในกระบวนการยุติธรรม

ทนายความสามารถช่วยได้ในหลายด้าน:

  1. การให้คำปรึกษาและการดำเนินคดี – ทนายความสามารถให้คำปรึกษากับครอบครัวผู้ตายในการดำเนินการทางกฎหมาย เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ตกหล่นในขั้นตอนต่าง ๆ และการฟ้องร้องจะเป็นไปตามข้อกฎหมาย
  2. การรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม – ทนายความสามารถทำหน้าที่ในการช่วยสืบสวนหาหลักฐานเพิ่มเติมที่อาจยังไม่เปิดเผย เช่น การเรียกร้องให้มีการตรวจสอบพยานหลักฐานจากผู้เชี่ยวชาญหรือการสอบสวนทางการแพทย์เพิ่มเติม ซึ่งอาจช่วยพิสูจน์การกระทำผิดอย่างชัดเจน
  3. การดำเนินการฟ้องร้อง – หากมีการพบหลักฐานที่ชัดเจนว่าผู้ต้องสงสัยกระทำผิด ทนายความจะช่วยครอบครัวผู้ตายในการยื่นฟ้องต่อศาลและขอให้มีการลงโทษผู้กระทำผิดตามกฎหมาย รวมทั้งสามารถยื่นคำร้องขอให้ศาลให้ความคุ้มครองและการฟ้องร้องภายใต้กฎหมายอาญาได้
  4. การเรียกร้องค่าเสียหายจากการฆาตกรรม – ทนายความจะช่วยให้ครอบครัวผู้ตายสามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้กระทำผิด ทั้งในส่วนของค่าเสียหายจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก และค่าเสียหายจากการกระทำผิดที่ทำให้เกิดความเสียหายทางจิตใจและร่างกาย
  5. การส่งตัวผู้ต้องสงสัยไปยังประเทศจีน – หากคดีนี้เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมข้ามชาติและมีการขอส่งตัวผู้ต้องสงสัยไปยังประเทศจีน ทนายความจะช่วยครอบครัวในการดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น สนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน และช่วยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการส่งตัวผู้ต้องสงสัยให้ไปยังประเทศจีน


สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์มีความเชี่ยวชาญบริการคดีอาญาของเราและเราพร้อมรับทำคดีอาญาทุกประเภท โดยเฉพาะในกรณีที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตต้องการทวงคืนความเป็นธรรมให้คนที่รัก ไม่ว่าจะเป็นการช่วยฟ้องคดีฆาตกรรม การรวบรวมพยานหลักฐาน การดำเนินการขอความร่วมมือระหว่างประเทศ หรือแม้แต่การเรียกร้องค่าสินไหมในทางแพ่ง ทีมทนายของเราสามารถดูแลทุกขั้นตอนให้คุณได้อย่างรอบด้าน

หากคุณหรือคนใกล้ชิดตกเป็นเหยื่อในคดีอาญาเช่นนี้ หรือถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม อย่าเงียบ อย่ารีรอ การนิ่งเฉยอาจทำให้คนผิดลอยนวล และคุณอาจเสียสิทธิ์ที่พึงมี ควรจะรีบปรึกษาทนายเพื่อให้มีคนสู้เคียงข้างคุณและเพื่อสิทธิ์ของตัวคุณเอง เพราะในกระบวนการยุติธรรม คนที่รู้สิทธิ์และใช้สิทธิ์เท่านั้นที่จะได้ความยุติธรรมอย่างแท้จริง อย่าปล่อยให้คนผิดลอยนวล เพียงเพราะคุณไม่มีคนสู้แทน


อ้างอิงจากเว็บไซต์ :แกะรอย 12 จุด! นศ. สาวชาวจีนหายตัวปริศนา หนุ่มสนิทเผ่นหนีโผล่ฮ่องกง

เขียนโดย :วรารัตน์ วงโพธิสาร (นักศึกษาฝึกประสบการณ์ภาษาจีน)