“รักษาตัวให้หายดีก่อน” วลีเด็ดของบริษัทประกันภัย ที่เมื่อฟังกี่ทีก็เหมือนจะรู้สึกดีที่ดูเหมือนว่าประกันภัยจะดูเป็นห่วงเป็นใยผู้เสียหายเมื่อประสบอุบัติเหตุรถชน แต่ที่ไหนได้กลับกลายเป็นประโยคที่ทำเอาผู้เสียหายเดือดร้อนไม่ใช่น้อย จนต้องติดต่อทนายให้เข้าช่วยเหลือ วันนี้สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ ก็มีเรื่องราวหนึ่งที่ผู้เสียหายเดือดร้อนหนัก เนื่องจากประสบอุบัติเหตุถูกรถชน ได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างร้ายแรง แต่ก็ดันถูกบริษัทประกันภัยหัวหมอใช้วลีเด็ดมาปฏิเสธที่ว่าให้ไป “รักษาตัวให้หายดีก่อน” แล้วค่อยมาเรียกร้อง แต่ในความโชคร้ายของผู้เสียหายก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง เมื่อผู้เสียหายเจอคลิปวิดีโอของทนายอาร์ม จึงรู้ทันประกันภัยและไม่รอรักษาตัวให้หายดีก่อนตามคำประกันบอก รีบติดต่อหาทนายทันที สุดท้ายผลออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจ เมื่อศาลพิพากษาให้ค่าเสียหายในจำนวนเกือบ 2 ล้าน…
ผู้เสียหายประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บสาหัสหนักทั้งคู่ ไม่รอรักษาตัวให้หายดีก่อน โร่ปรึกษาทนาย
สำหรับเคสต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของผู้เสียหาย 2 ท่านที่กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์แต่ดันถูกรถยนต์คู่กรณีฝ่าไฟแดงมาชน เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งคู่ วันนี้เราจะมาเล่าให้ผู้ติดตามทุกท่านฟังกันเป็นอุทาหรณ์ว่าผู้เสียหายทั้ง 2 ท่านนี้ได้รับบาดเจ็บอย่างไร การที่ไปรักษาตัวให้หายดีก่อนตามคำประกันบอกมีผลเสียอย่างไร และศาลได้พิพากษาค่าเสียหายให้ผู้เสียหายทั้ง 2 ท่านอย่างไรบ้าง
ผู้เสียหายคนที่ 1
สำหรับผู้เสียหายคนแรกนี้ เป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บค่อนข้างสาหัสกว่าคนที่ 2 เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บหนักที่เท้า คือ ขาขวาหัก , กระดูกเท้าแตกละเอียด , กระดูกเท้าหัก , มีแผลเปิดที่หลังเท้า อีกทั้งยังต้องใส่เหล็กเพื่อดาม แต่เป็นเหล็กชนิดที่ต้องเสียบเข้าไปในเนื้อเพื่อดาม และเมื่อมีการเสียบใส่เหล็กดามก็ต้องมีการดึงเอาเหล็กออก โดยเป็นวิธีการพิเศษเฉพาะแพทย์ สำหรับผู้เสียหายคนที่ 1 นี้ ศาลก็ได้พิพากษาค่าเสียหายให้ในจำนวน 1 ล้านกับอีก 3 หมื่นบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 และสำหรับผู้เสียหายท่านนี้ศาลได้เชื่อว่าเขามีอาการบาดเจ็บที่สาหัสจริง ๆ เนื่องจากมีหลักฐาน และแนวทางการรักษาที่ชัดเจน ส่งผลให้ทั้งหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับกับอาการบาดเจ็บยิ่งมีน้ำหนักต่อศาล
สำหรับเรื่องของหลักฐานภาพถ่ายขณะเกิดเหตุ หรือขณะบาดเจ็บ การรักษาต่าง ๆ ทนายอาร์มขอย้ำเตือนไว้เลยว่า เป็นหน้าที่ของผู้เสียหายเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากในบางคนมีรูปถ่ายหลักฐานครบทุกอย่าง แต่รูปภาพหลักฐานดันไปอยู่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น ศาลไม่สามารถไปเอารูปภาพเหล่านั้นมาจากมือถือของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้เสียหายที่ต้องเก็บข้อมูลอาการบาดเจ็บ ถ่ายรูปภาพต่าง ๆ ไว้ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ เพราะศาลจะเชื่อว่าคุณบาดเจ็บสาหัสจริง กลับกันกับในบางคนที่หลงเชื่อคำประกันว่า รักษาตัวให้หายดีก่อน ก็ดันไปรักษาตัวจนหายดี เมื่อไปถึงศาล ศาลท่านก็จะเห็นว่า คุณรักษาตัวให้หายดีก่อนรักษาตัวหายดีแล้วก็จะไม่ช่วยอะไรมาก
แต่สำหรับเคสนี้คือผู้เสียหายมีลำดับเหตุการณ์ทุกอย่าง , มีรูปภาพหลักฐานมายืนยัน , มีใบนัดพบแพทย์อย่างชัดเจน สำหรับผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บคนที่ 1 นี้ มีอาชีพค้าขายขนมโตเกียว ซึ่งต้องยืนทำขนม และต้องขับรถจักรยานยนต์เอาขนมไปส่งลูกค้า โดยเคสนี้มีหลักสำคัญที่ว่า “อาการบาดเจ็บมีผลกระทบต่ออาชีพที่ทำหรือไม่” ดังนั้น อย่างเรื่องอาชีพก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน และการจัดวางรูปเรื่องคดีก็มีความสำคัญเช่นกัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญในการทำคดีของทนายความด้วย ต่อมาสำหรับเรื่องค่าทุกขเวทนา เคสนี้ศาลก็ได้พิพากษาให้เป็นจำนวน 3 แสนบาทด้วยกัน โดยได้ตามที่เรียกร้องไป สำหรับ ค่าทุกขเวทนา ตามประสาชาวบ้านจะเรียกว่า ค่าทำขวัญ แต่ในทางกฎหมายจะใช้คำว่า ทุกขเวทนา นั่นเอง
ผู้เสียหายคนที่ 2
ผู้เสียหายคนที่ 2 นี้ มีอาการบาดเจ็บ คือ ศีรษะกระแทก ส่งผลให้มีแผลที่บริเวณศีรษะ ในมุมมองสำหรับบริษัทประกันภัยอาจมองว่าผู้เสียหายเพียงแค่ “หัวแตก” หรือแค่ศีรษะแตกเท่านั้น จะเรียกร้องค่าเสียหายอะไรมากมาย แต่สำหรับเคสนี้ด้วยกระบวนการ ด้วยหลักฐานต่าง ๆ แนวทางการรักษาของผู้เสียหาย การนำเสนอต่อศาล กระบวนการทำงานของทนายความ ทำให้ศาลเชื่อเช่นเดียวกันว่าผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บได้รับอันตรายร้ายแรงต่อร่างกายซึ่งเสียหายมาก ในความเป็นจริงแล้วนั้นศีรษะของมนุษย์ไม่ควรได้รับความกระทบกระเทือนใด ๆ เลย เนื่องจากในสมองของคนเราต้องใช้ความจำสิ่งต่าง ๆ เป็นอย่างมาก และสำหรับคำพิพากษาของศาลในผู้เสียหายคนที่ 2 นี้ ศาลได้พิพากษาให้จำนวน 8 แสนบาทด้วยกัน
ทนายอาร์มขอเตือน ! บาดเจ็บหนักสาหัสไม่ต้องกลัวจะสู้ไม่ได้ ไม่ต้องรอรักษาตัวให้หายดีก่อน นั่งอยู่เฉย ๆ ความยุติธรรมไม่มาหาแน่นอน
เรียกได้ว่าสำหรับผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้ง 2 คนนี้ไม่ว่าจะเรียกไปเท่าไร ศาลก็ได้พิพากษาเกือบเต็มตามฟ้องเลยทีเดียว และไม่มีโดนฟ้องกลับแต่อย่างใด เรื่องรักษาตัวให้หายดีก่อนทนายอาร์มจึงบอยากขอเตือนไว้สำหรับผู้ที่ประสบอุบัติเหตุรถชนว่า ไม่ต้องกลัวว่าจะไปสู้กับเขาได้อย่างไร ยิ่งในกรณีที่บาดเจ็บสาหัส ไม่ต้องกลัวหรือกังวลเลยว่าจะสู้ไม่ได้ หากรถชนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็ไม่ต้องรอรักษาตัวให้หายดีก่อน อย่ายอมตกเป็นเหนื่อยหลงเชื่อคำประกันภัย
หากนั่งอยู่เฉย ๆ ความยุติธรรมไม่ไปหาแน่นอน นอกจากคุณจะสู้ด้วยตัวคุณเอง เรียกร้องความเป็นธรรมให้อาการบาดเจ็บ ความเสียเวลาของคุณ ที่สำคัญคืออย่าหลงเชื่อคำว่า รักษาตัวให้หายดีก่อน หลังเกิดอุบัติเหตุรีบติดต่อหาทนายทันที เพราะบริษัทประกันภัยมีทนายตั้งแต่ยังไม่เกิดอุบัติเหตุ แต่ประชาชนคนธรรมดาทั่วไปไม่มีแม้แต่ทนายไว้ปรึกษา เพราะเหตุนี้เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ต้องมีทนายไว้ปรึกษาทันที อีกทั้งอย่าหลงเชื่อทะแนะ เพราะนอกจากทะแนะจะทำให้คุณเสียเวลาแล้ว ยังทำให้คุณไม่ได้ค่าเสียหายอะไรเลย