ฟันหักหายเป็นแถบ ประกันภัยหัวแพทย์ขอจ่าย 3 หมื่น ยื้อขอเอกสารเพิ่ม ทั้งที่แพทย์ลงความเห็นราคากว่า 8 หมื่นบาทต่อซี่

ฟันหักหายเป็นแถบ ประกันภัยหัวแพทย์ขอจ่าย 3 หมื่น ยื้อขอเอกสารเพิ่ม ทั้งที่แพทย์ลงความเห็นราคากว่า 8 หมื่นบาทต่อซี่

          หากใครที่ได้ติดตามสำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ของเรา คงจะคุ้นเคยกันดีกับกลยุทธ์เด็ดต่าง ๆ ของบริษัทประกันภัย ที่เรียกได้ว่าแต่ละคำนั้นได้สร้างความเดือดร้อนให้ผู้ประสบภัยหลายท่านไม่น้อย เช่น รักษาตัวให้หายดีก่อน แล้วค่อยมาเรียกร้องก็ดี หรือ อ้างว่าเมาแล้วขับ นับผลแอลกอฮอล์ย้อนหลังมาปฏิเสธการรับผิดชอบก็ดี ข้ออ้างหรือมุกเด็ดต่าง ๆ ของบริษัทประกันภัยแต่ละคำล้วนแต่ส่งผลเสียต่อผู้เสียหายอย่างบอกไม่ถูก เพราะแต่ละกรณีได้รับความเสียหายที่แตกต่างกันไป

          และสำหรับกรณีต่อไปนี้ที่เราจะมานำเสนอก็เช่นเดียวกัน เป็นเรื่องราวของผู้เสียหายท่านหนึ่งที่ประสบอุบัติเหตุ แต่เป็นอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดที่ต้องฟันหัก แต่ไม่ใช่ฟันหักธรรมดาเพราะสามารถเปลี่ยนชีวิตของคน ๆ หนึ่งได้ในพริบตา

ผู้เสียหายสุดช้ำ ! ฟันหักหายไปเป็นแถบ ประกันภัยตัวแสบไร้เยื่อใยเสนอจ่ายต่ำกว่าความเสียหายที่แท้จริง

ผู้เสียหายสุดช้ำ ! ฟันหักหายไปเป็นแถบ ประกันภัยตัวแสบไร้เยื่อใย

          อย่างที่กล่าวไปในข้างต้น เรื่องราวที่เรานำมาเสนอนี้เป็นเรื่องราวของผู้เสียหายท่านหนึ่งที่เราเชื่อมาก ๆ ว่าหากใครได้มาอ่านจะต้องรู้สึกสะเทือนใจไปกับผู้เสียหายท่านนี้อย่างแน่นอน เรื่องราวของนาย A ผู้เสียหายที่ต้องเผชิญกับอุบัติเหตุถูกรถชนอย่างรุนแรง และการประสบอุบัติเหตุในครั้งนี้ไม่ได้ส่งผลเพียงสร้างบาดแผลทางกายเท่านั้น แต่ยังสร้างบาดแผลทางใจที่ทิ้งร่องรอยไว้อย่างที่นาย A ไม่มีทางลืมเลือนได้แน่นอน

          เขาได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส ไม่เพียงแค่ศีรษะที่ได้รับความกระทบกระเทือนเท่านั้น แต่ยังมีแผลฉีกขาดในหลายส่วน และที่มากไปกว่านั้นนาย A ฟันหักไปกว่า 3 ซี่ ซึ่งสร้างความเจ็บปวดและอุปสรรคในการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก นาย A ไม่สามารถพูดได้ เนื่องจากมีเลือดไหลจากปากตลอดเวลา และไม่สามารถรับประทานอาหารได้แม้แต่อาหารอ่อน ๆ ความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานที่นาย A ได้รับ ไม่ได้หยุดอยู่แค่ความบาดเจ็บทางร่างกาย แต่ยังลุกลามไปถึงการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งกว่าจะผ่านในแต่ละวันไปได้นาย A ต้องเผชิญกับอุปสรรคอย่างมาก

          ในสถานการณ์ที่เลวร้ายแบบนี้ แต่ความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานของนาย A กลับไม่ได้รับการเยียวยาอย่างที่ควรจะเป็น เมื่อบริษัทประกันภัยหัวแพทย์พิจารณาชดใช้ค่ารักษาฟันที่ต้องสูญเสียรากฟันไปให้เพียง 30,000 บาทเท่านั้น ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ห่างไกลจากค่ารักษาจริงที่ทันตแพทย์ประเมินไว้เป็นอย่างมาก เนื่องจากนาย A ได้รับการประเมินค่ารักษาพยาบาลจากทันตแพทย์อย่างละเอียด โดยทันตแพทย์ระบุว่าความเสียหายของฟันแต่ละซี่นั้นมีมูลค่าการรักษาสูงถึง 85,000 บาทต่อซี่ สาเหตุเพราะรากฟันได้รับความเสียหายอย่างมาก ซึ่งสามารถเห็นได้ชัดเจนจากฟิล์มเอกซเรย์

ฟิล์มเอกซเรย์ฟันหัก

          ในขณะที่นาย A ต้องการการดูแลรักษาและการเยียวยาที่เหมาะสม แต่บริษัทประกันภัยหัวแพทย์กลับพิจารณาชดใช้ให้เพียงเท่านี้ จากเหตุการณ์นี้เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงปัญหาของบริษัทประกันภัยที่ไม่เป็นธรรม และความจำเป็นที่ผู้เสียหายต้องมีการต่อสู้เพื่อสิทธิของตนเอง

          นอกจากจะพิจารณาจ่ายค่ารักษาที่ต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างมากแล้ว บริษัทประกันภัยยังขอเอกสารเพิ่มเติมจากนาย A เพื่อยื้อเวลาในการพิจารณาเพิ่มอีก นับเป็นการสร้างความเครียดและความทุกข์ใจให้กับผู้เคราะห์ร้ายอย่างมาก การขอเอกสารเพิ่มเติมและการยืดเวลาพิจารณาเช่นนี้ ดูเหมือนจะเป็นกลยุทธ์ที่บริษัทประกันภัยใช้ในทุกกรณี เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามที่ควรจะเป็น

          การที่นาย A ฟันหัก ไม่ใช่เพียงแค่ฟันหักธรรมดาทั่วไป แต่นับว่าต้องสูญเสียอวัยวะและต้องทำการรักษา คำถามที่ต้องถามคือ การที่บริษัทประกันภัยพิจารณาชดใช้เพียง 30,000 บาท ต่อการที่ต้องฟันหักไปหลายซี่นั้น เหมาะสมกับความเสียหายที่นาย A ได้รับแล้วหรือ? การชดใช้เพียงเท่านี้กับความเสียหายที่เกิดขึ้นแทบจะไม่สามารถครอบคลุมค่ารักษาอะไรได้เลย และแน่นอนว่าการที่ฟันหักส่งผลให้นาย A ได้รับความเดือดร้อนในชีวิตเป็นอย่างมาก ที่สำคัญคือไม่มีใครควรต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการบาดเจ็บแบบนี้โดยไม่ได้รับการรับผิดชอบที่เหมาะสมจากบริษัทประกันภัย

บริษัทประกันภัยยังมีทนายได้ แล้วทำไมคนธรรมดาจะมีทนายไม่ได้ เจอแบบนี้มีทนายเดินเรื่องดีที่สุด

บริษัทประกันภัยยังมีทนายได้ แล้วทำไมคนธรรมดาจะมีทนายไม่ได้

          จากเหตุการณ์ที่กล่าวไปข้างต้น การที่นาย A ประสบอุบัติเหตุฟันหักเหมือนเท่ากับว่าต้องสูญเสียอวัยวะในร่างกายไป นั่นไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ หรือเรื่องธรรมดาทั่วไป และจากเรื่องนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าการที่ผู้เสียหายต้องรับมือกับกระบวนการของบริษัทประกันภัยเพียงลำพังนั้น มีแนวโน้มที่จะถูกเอาเปรียบและไม่ได้รับการชดเชยที่เหมาะสม การมีทนายความที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายประกันภัยเพื่อดำเนินคดีและต่อสู้เพื่อสิทธิที่ควรได้รับ จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะการมีทนายความสามารถช่วยให้ผู้เสียหายได้รับการปกป้องและชดเชยอย่างเต็มที่ตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง และไม่ต้องเผชิญกับการยื้อเวลาและการเอาเปรียบจากบริษัทประกันภัยอีกต่อไป หากเจอกรณีเหมือนอย่างนาย A นี้ ควรมีทนายความเดินเรื่องดำเนินการให้ดีที่สุด >>ปรึกษากฎหมาย<<