เมื่อเราทำประกันภัยรถยนต์แน่นอนว่าเราต้องหวังการคุ้มครองจากบริษัทประกันภัยอย่างครอบคลุม เพราะชีวิตของเรามีแค่ชีวิตเดียว แต่หากบริษัทประกันภัยที่เราให้ความไว้วางใจซื้อประกันภัยเพื่อความคุ้มครองนั้น เมื่อเวลาเกิดอุบัติเหตุแล้วพยายามบ่ายเบี่ยงการจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งภาคสมัครใจ และภาคบังคับตามที่กรมธรรม์ได้ระบุเอาไว้ในสัญญากรมธรรม์ อย่างเช่นกรณีอุบัติเหตุเคสนี้ ที่สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ได้รับความไว้วางใจจากผู้เสียหายชาวต่างชาติที่ประสบอุบัติเหตุจนได้รับบาดเจ็บสาหัส รถถูกชน จนไหล่หักต้องผ่าตัดใส่เหล็ก! แต่บริษัทประกันยังบ่ายเบี่ยงการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ด้วยเหตุผู้เอาประกันภัยเป็นชาวต่างชาติที่ไม่รู้กฎหมายการประกันภัยในบ้านเรา รวมถึงไม่ทราบกระบวนการที่จะเรียกร้องเพื่อปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง เมื่อบริษัทประกันภัยพยายามยื้อขอเจรจาค่าเสียหาย ผู้เสียหายเลยไม่รู้ต้องทำอย่างไร จึงตัดสินใจมาพึ่งสำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ให้ช่วยดำเนินการเรียกร้องความเป็นธรรม
รถถูกชนจนบาดเจ็บกระดูกต้นคอแตก ไหล่หัก ต้องพักรักษาตัวนานกว่า 3 เดือน ไร้ค่าเสียหายจากบริษัทประกัน
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดจากผู้เสียหายได้ขับขี่รถยนต์แล้วเกิดการเฉี่ยวชนกับรถเก๋งคันหนึ่ง แต่รถยนต์ที่ผู้บาดเจ็บขับขี่นั้นถูกชนท้ายโดยรถยนต์อีกคันหนึ่ง เป็นเหตุทำให้รถของผู้บาดเจ็บที่มีการทำประกันภัยเอาไว้กับบริษัทประกันภัยเกิดความเสียหาย มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ 2 คน โดยผู้บาดเจ็บที่ 1 ได้รับบาดเจ็บสาหัส กระดูกต้นคอหัก และกระดูกไหล่ขวาหัก จนต้องเข้ารับการผ่าตัดดามเหล็กไว้ที่หัวไหล่ และต้องพักรักษาตัวเป็นเวลา 3 เดือน หลังผ่าตัดเอาเหล็กออกยังต้องเข้าทำกายภาพบำบัด ปัจจุบันผู้บาดเจ็บยังต้องรักษาอาการบาดเจ็บอย่างต่อเนื่องและมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ตลอดเวลา เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตอย่างมาก
สำรองจ่ายไปแล้วกว่า 200,000 บาท แต่บริษัทประกันยังไม่ยอมจ่ายค่าเสียหาย!
ทั้งนี้ผู้บาดเจ็บได้สำรองจ่ายค่ารักษาอันจำเป็นไปแล้วกว่า 200,000 บาท ยังไม่รวมถึงค่าขาดประโยชน์จากรายได้ต่อเดือนอีก 150,000 บาท จากการที่ผู้บาดเจ็บดำรงอยู่ในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของบริษัทของบริษัท การได้รับบาดเจ็บสาหัสจากในครั้งนี้ต้องรักษาตัวเป็นเวลานาน ทำให้สูญเสียรายได้เป็นจำนวนมากและส่งผลกระทบต่อการบริหารบริษัท ผู้บาดเจ็บต้องทำการผ่าตัดดามเหล็กเอาไว้ที่ไหล่ขวา และต้องผ่าตัดเพื่อเอาเหล็กออก ทำให้ต้องมีค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด รวมค่ารักษาพยาบาลหลังการผ่าตัดเป็นจำนวนเงินกว่า 80,000 บาท ซึ่งราคานี้เป็นค่าใช้จ่ายที่แพทย์ได้ประเมินการรักษาในเบื้องต้น ยังไม่รวมหากเกิดอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ขณะทำการรักษา รวมถึงค่าเวชภัณฑ์อื่นๆ
ไหล่ต่อไม่ติด ต้องบินไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ
ระหว่างที่ผู้บาดเจ็บต้องรักษาตัวอยู่ในประเทศไทย ผู้บาดเจ็บต้องเดินทางไปมาระหว่างบ้านกับโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง ทำให้มีค่าใช้จ่ายระหว่างที่ต้องรักษาตัว แต่ว่าอาการบาดเจ็บที่หัวไหล่ไม่ดีขึ้น กระดูกบริเวณหัวไหล่ที่หักไม่เชื่อมติดกัน ผู้บาดเจ็บจึงต้องทำการบินไปรักษาตัวที่ประเทศไต้หวัน และต้องเข้ารับการผ่าตัดอีกครั้ง ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดอีกเป็นจำนวนเงิน 158,080 ดอลลาร์ไต้หวัน คิดเป็นเงินไทย 161,241 บาท อีกทั้งยังต้องเสียค่าเครื่องบินเพื่อบินไปรักษาเป็นจำนวนเงิน 14,300 บาท และหลังจากผ่าตัดผู้บาดเจ็บยังต้องเข้าทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการรักษาที่กินระยะเวลานาน และเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก ซึ่งความจริงแล้วค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ผู้บาดเจ็บสามารถเรียกร้องได้กับบริษัทประกันภัย แม้ว่าผู้บาดเจ็บจะเดินทางไปรักษาตัวที่ต่างประเทศก็ตาม
ประกันเสนอจ่ายค่ารักษา และค่าเสียหายน้อยกว่าความเป็นจริง!
จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบริษัทประกันภัยของรถผู้เอาประกัน (ภาคสมัครใจ) และบริษัทประกันภัย (ภาคบังคับ) ยังไม่ยอมจ่ายค่าเสียหายแต่พยายามขอไกล่เกลี่ย ในขณะที่ผู้บาดเจ็บเองก็เป็นชาวต่างชาติไม่รู้เรื่องกฎหมายประกันภัย ผู้บาดเจ็บจึงไม่กล้าเรียกค่าเสียหายที่สูงจนเกินไป เพราะกลัวว่าจะถูกบริษัทประกันภัยฟ้องกลับ ทั้งที่ผู้บาดเจ็บนั้นได้รับบาดเจ็บกระดูกต้นแขนขวาหัก จนต้องดามเหล็ก แถมต้องพักรักษาตัวตามความเห็นแพทย์เป็นเวลากว่า 90 วัน ซึ่งหากผู้บาดเจ็บยังสามารถทำงานได้ตามปกติ ผู้บาดเจ็บจะมีรายได้ 450,000 บาท แต่จากระยะเวลา 90 วันที่ต้องหยุดงานไป แต่บริษัทประกันภัยของรถผู้เอาประกันเสนอจ่ายเพียงแค่ 150,000 บาท ส่วนบริษัทประกันภัยของรถคู่กรณีที่มาชนรถยนต์ของผู้เอาประกัน เสนอจ่ายให้ผู้บาดเจ็บที่ 1 เป็นจำนวนเงินแค่ 100,000 บาท รวมแล้วบริษัทประกันเสนอจ่ายค่าเสียหายให้แก่ผู้บาดเจ็บแค่ราวๆ 3 แสนบาทเท่านั้นเอง ซึ่งน้อยกว่าความเป็นจริงไปมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่ผู้บาดเจ็บได้รับ เป็นการเอาเปรียบผู้เสียหายอย่างที่สุด พิจารณาดูแล้วไม่คุ้มค่าต่อความบาดเจ็บที่ไม่อาจทราบได้ว่าในอนาคตจะหายดีกลับมาเป็นปกติได้หรือไม่
เจอแบบนี้ต้องมีทนายไว้เพื่อไม่ให้ถูกบริษัทประกันภัยเอาเปรียบ
สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์เล็งเห็นถึงความสำคัญของผู้เสียหายไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติ ที่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากบริษัทประกันภัย ดังเช่นผู้เสียหายชาวจีนท่านนี้ที่ได้บาดเจ็บอย่างหนัก รู้สึกว่าบริษัทประกันภัยทั้ง 2 บริษัทไม่บริสุทธิ์ใจในการรับผิดชอบ เสนอจ่ายค่าเสียหายไม่สมกับอาการบาดเจ็บจริงที่ผู้เสียหายได้รับ ทั้งบริษัทประกันภัยยังพยายามยื้อเวลาโดยขอไกล่เกลี่ยเจรจาต่อรองค่าสินไหมทดแทน ผู้เสียหายจึงมอบหมายให้ สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ เป็นผู้ดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัทประกันภัย ด้วยทางทีมกฎหมายวงศกรณ์เห็นถึงความไม่ยุติธรรมที่ผู้เสียหายที่เป็นชาวต่างชาติได้รับ ทางทีมกฎหมายวงศกรณ์จึงได้ดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัทประกันภัยทั้ง 2 บริษัทเป็นจำนวนเงินกว่าล้านบาท ซึ่งมากกว่าที่บริษัทประกันภัยเสนอให้ผู้บาดเจ็บกว่า 3 เท่า เพื่อชดเชยความเสียหายและเยียวยาจิตใจให้แก่ผู้บาดเจ็บ ท้ายที่สุดแล้วศาลได้มีคำพิพากษาให้บริษัทประกันภัยทั้ง 2 บริษัทต้องจ่ายค่าเสียหายให้แก่ผู้บาดเจ็บเป็นจำนวนเงินกว่าล้านบาท!
ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติ สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ยินดีให้บริการ
สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ให้ความสำคัญไม่ว่าผู้เสียหายนั้นจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติ หากผู้เสียหายรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากบริษัทประกันภัย สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ยินดีพร้อมให้บริการ ความสำคัญของการมีทนายความไว้ในกรณีหากเกิดอุบัติเหตุนับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก นอกจากเพื่อปกป้องผู้เสียหายจากเล่ห์เหลี่ยมของบริษัทประกันภัยแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อการเดินเรื่องเรียกร้องค่าความเสียหายตามกระบวนการ สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ เป็นสำนักงานกฎหมายที่เชี่ยวชาญในการฟ้องร้องคดีเกี่ยวกับการประกันภัย เรามีทีมทนายที่มีความเชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาและดำเนินการ หากท่านกำลังประสบปัญหาต้องเจอกับบริษัทประกันภัยที่กำลังเอารัดเอาเปรียบ ติดต่อเรา