เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องราวที่ผู้เสียหายได้เข้ามาปรึกษากฎหมายกับทนายความของเรา และเป็นคดีความที่ผลคดีออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจ แต่ประเด็นในวันนี้ที่เราต้องการนำเสนอหลัก ๆ คือ พฤติกรรมความเอาเปรียบอย่างใจดำของบริษัทประกันภัยหัวหมอ เมื่อนางสาว A หญิงสาวผู้โชคร้ายได้ขับขี่ จยย. ถูกรถกระบะเฉี่ยวชนเป็นเหตุให้เธอต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสกระดูกหักหลายส่วนไม่ว่าจะเป็นข้อมือ แขน ขา และข้อเท้า อีกทั้งเธอยังต้องผ่าตัดใส่เหล็กดามกระดูก ทำให้เธอใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก จากเหตุการณ์อันแสนเลวร้ายที่ได้เกิดขึ้นเธอต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการบาดเจ็บ อีกทั้งยังต้องรักษาตัวอย่างต่อเนื่องเป็นปี ๆ ทั้งๆ ที่เธอต้องบาดเจ็บมากขนาดนี้ ในชั้นโรงพักบริษัทประกันภัยตัวดีเสนอจ่ายให้เธอเพียง 1 แสน 3 หมื่นบาท เท่านั้น จากเหตุการณ์ในครั้งเจรจาในชั้นโรงพัก เธอรับไม่ได้กับพฤติกรรมความเอาเปรียบของบริษัทฯ เธอจึงนำเรื่องราวมาปรึกษากฎหมายที่เราทันทีและท้ายที่สุดเรื่องราวของเธอจึงถึงมือทนายอาร์มในเวลาต่อมา
ต่อมาหลังจากที่เธอปรึกษากฎหมายเรื่องราวดำเนินมาถึงชั้น คปภ. แต่บริษัทฯ ก็ยังเจ้าเล่ห์ไม่หยุดยืนยันเสนอจ่ายเท่าเดิม อีกทั้งยังมัดมือชกให้เธอเซ็นสัญญาประนีประนอมยอมความอีกด้วย นางสาว A ตัดสินใจปฏิเสธการรับผิดชอบของบริษัทฯ เพราะเห็นว่าไม่ยุติธรรมกับความเจ็บปวดที่เธอได้รับ และบริษัทฯ ก็ยันไม่จ่ายไปมากกว่านี้แล้ว โบ้ยให้เธอไป “ฟ้อง” เรียกร้องเอากับคู่กรณีเอง เมื่อบริษัทฯ ทำกันถึงขนาดนี้แน่นอนว่าเราไม่รอช้าดำเนินการต่อในชั้นศาลทันที
สุดท้ายเรื่องราวของนางสาว A จบลงที่ศาลสั่งพิพากษาให้ชดใช้ต่อเธอจำนวนสี่แสนกว่าบาทต่อความเจ็บปวดที่เธอต้องได้รับและยังต้องรักษาตัวอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าการใช้ชีวิตของเธอจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่ก็ยังดีกว่ายอมถูกบริษัทประกันภัยใช้เล่ห์เหลี่ยมเสนอจ่ายเพียงแสนกว่าบาทเพื่อจบทุกอย่าง
ตีแผ่ ! ประโยคเด็ดบ.ประกันภัยหลอกให้หลงเชื่อ “รักษาตัวให้หายดีก่อน แล้วค่อยมาเรียกร้องทีหลังก็ได้” ได้จริงหรือ ?
ประโยคสุดฮิตประโยคเด็ดของบริษัทประกันภัยทุกครั้งที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นและผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บมากไปถึงบาดเจ็บสาหัส และในบางรายสาหัสมากไปถึง “สูญเสียอวัยวะ” , “ทุพพลภาพถาวร” อาทิ แขน, ขา, ตา, ฟัน ฯลฯ สิ่งแรกที่บริษัทฯ จะกล่าวหลังจากที่ผู้เสียหายได้มีการถามถึงเรื่อง “ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน” จากบริษัทฯ ประโยคที่ว่านั่นคือ “ไปรักษาตัวก่อน” , “รักษาตัวให้หายดีก่อน” , “รักษาตัวให้หายดีก่อนแล้วค่อยมาเรียกร้องทีหลัง” ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประโยคที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าบริษัทฯ จงใจจะบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบที่มีต่อผู้เสียหาย แล้วคำว่า “เรียกร้องทีหลังก็ได้” มันได้จริงหรือ ?
“รักษาตัวให้หายดีก่อน แล้วค่อยมาเรียกร้องทีหลังก็ได้” หากผู้เสียหายท่านใดได้ประสบพบเจอเข้ากับประโยคนี้ ควรรีบปรึกษากฎหมายกับทนายทันที เพราะนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการ “เอาเปรียบ” อย่างใจดำของบริษัทประกันภัย หลักการง่าย ๆ ของปัญหาที่ว่า “รักษาตัวให้หายดีก่อน แล้วค่อยมาเรียกร้องทีหลังก็ได้” ก็คือ หากผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วยอมไปทำตามคำพูดของบริษัทฯ กับคำว่า “ค่อยมาเรียกร้องทีหลังก็ได้” นั่นเป็นเพราะบริษัทฯ ต้องการให้คุณไปรักษาตัวรักษาอาการบาดเจ็บให้หายดี แล้วเมื่อถึงคราวที่คุณไปเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนที่คุณต้องได้รับตามที่เคยได้ตกลงกันไว้ บริษัทฯ จะจ่ายให้ แต่จ่ายในจำนวนที่เห็นว่าคุณรักษาตัวหายดีแล้ว คุณก็จะได้รับค่าสินไหมทดแทนที่น้อยกว่าที่ควรจะได้รับ คำว่า “รักษาตัวให้หายดีก่อน” จึงเป็นมุกเด็ด กลยุทธ์ยอดฮิตของบริษัทฯ ที่มักนำมาอ้างเพื่อปฏิเสธการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อผู้เสียหายนั่นเอง และที่น่ากลัวไปกว่านั้นประโยคนี้ยังสามารถสร้างความเดือดร้อนให้ผู้เสียหายได้เป็นจำนวนมากเลยทีเดียว
หากผู้เสียหายท่านใดไม่อยากตกเป็นเหยื่อของบริษัทประกันภัย อย่า ! หลงเชื่อคำว่า “รักษาตัวให้หายดีก่อน” เด็ดขาด เพราะหากหลงเชื่อไปแล้วนั่นหมายความว่าความเป็นธรรมที่ควรได้รับก็แทบจะหายไปเช่นเดียวกัน
บริษัทประกันภัยยังมีทนายได้ แล้วทำไมคนธรรมดาจะมีทนายไม่ได้ ปรึกษากฎหมายต้องที่สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์
เป็นความจริงอย่างปฏิเสธไม่ได้ในเรื่องที่ว่า บริษัทประกันภัยมีทนายความตั้งแต่ยังไม่เกิดเรื่อง แต่ประชาชนคนธรรมดาและหรือผู้บริโภคของบริษัทฯ เองไม่มีแม้แต่ผู้ให้คำปรึกษา บางคนไม่มีความรู้ใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องอุบัติเหตุรถชนต้องทำอย่างไรต่อ ด้วยซ้ำ อีกทั้งในบางรายยังต้องสูญเสียเวลาไปกับ “ทะแนะ” ผู้ที่มีความรู้แต่รู้ไม่จริงให้คำแนะนำต่าง ๆ นานาที่ผิดพลาดไปหมดจนผู้เสียหายต้องเสียเวลาไปเรื่อย ๆ และท้ายที่สุดก็หาทางออกของปัญหาไม่ได้ กว่าจะมาปรึกษากฎหมายกว่าจะถึงมือทนายความ เรื่องราวความเสียหายต่าง ๆ และการที่จะเรียกร้องค่าเสียหายก็ล่วงเลยไปมากแล้ว
สิ่งที่วันนี้สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์อยากจะสื่อออกมาให้ทุกท่านที่ได้ติดตามเราได้ฉุกคิดก่อนที่จะหลงเชื่อบริษัทประกันภัย เพราะในความเป็นจริงบริษัทฯ มีทนายความที่พร้อมจะดำเนินคดีไม่ว่าเรื่องใด และสำหรับผู้บริโภคประชาชนคนธรรมดาเมื่อเกิดอุบัติเหตุตกสถานะเป็นผู้เสียหายก็สามารถมีทนายความได้เช่นเดียวกับบริษัทฯ หากมีทนายไว้ปรึกษากฎหมายก็ไม่ต้องยอม ไม่ต้องเสียรู้บริษัทฯ อีกต่อไป และยังได้รับค่าสินไหมทดแทนที่เหมาะสมกับความบาดเจ็บที่ต้องทนทุกข์ทรมานอีกด้วย ดังนั้น หลังเกิดเหตุปรึกษากฎหมายกับทนายได้ทันทีไม่ต้องรอ >>ติดต่อเรา<<