แรงงานจีนเถื่อนในไทย :ความท้าทายทางกฎหมายที่นายจ้างต้องรู้!

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมชาวจีน 5 ราย อายุระหว่าง 34-61 ปี ลักลอบทำงานเป็นแรงงานก่อสร้างผิดกฎหมายในย่านห้วยขวาง โดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน กรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการจ้างแรงงานต่างชาติที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายธนิต โสรัตน์ ประธานสภาที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาแรงงานแห่งชาติ ตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ต้องหามีทักษะเฉพาะทางในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการลักลอบนำเข้าแรงงานฝีมือโดยไม่ผ่านกระบวนการที่ถูกต้อง ทั้งที่ปัจจุบันมีแรงงานจีนที่ทำงานในไทยอย่างถูกกฎหมายประมาณ 28,000 คน อย่างไรก็ตาม กฎหมายแรงงานต่างชาติ แม้จะมีบทลงโทษที่ชัดเจน แต่การบังคับใช้ยังคงไม่ทั่วถึง ทำให้เกิดช่องว่างที่นำไปสู่การกระทำผิดซ้ำซาก

นอกจากปัญหาแรงงานเถื่อนแล้ว ยังพบแนวโน้มที่แรงงานจีนเข้ามาลงทุนทำธุรกิจในไทยมากขึ้น ตั้งแต่ร้านอาหาร โลจิสติกส์ ไปจนถึงธุรกิจค้าปลีก ซึ่งส่งผลต่อการแข่งขันทางการค้ากับผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก ขณะเดียวกันยังมีแรงงานที่ใช้ช่องโหว่ของกฎหมาย แฝงตัวเข้ามาทำงานในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง เช่น อ้างตัวเป็นวิศวกรเพื่อเข้าร่วมโครงการก่อสร้าง

ปัจจุบันการจ้างแรงงานต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแรงงานจีนที่เข้ามาทำงานในหลากหลายอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม การจ้างแรงงานที่ไม่มีใบอนุญาต ไม่เพียงแต่ผิดกฎหมาย แต่ยังนำมาซึ่งความเสี่ยงหลายด้านที่นายจ้างควรรู้ก่อนตัดสินใจ

1. เสี่ยงโทษปรับและจำคุก

ตาม พระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 นายจ้างที่จ้างแรงงานต่างชาติผิดกฎหมาย อาจถูกปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาทต่อแรงงาน 1 คน หากกระทำผิดซ้ำ โทษปรับจะเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 – 200,000 บาทต่อคน และอาจถูกห้ามจ้างแรงงานต่างชาติเป็นเวลา 3 ปี นอกจากนี้ หากพบว่าแรงงานนั้นเข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย นายจ้างอาจถูกดำเนินคดีในฐานะ สนับสนุนการกระทำผิดของคนต่างด้าว ซึ่งอาจมีโทษจำคุกเพิ่มเติม

2. ความเสี่ยงทางธุรกิจและชื่อเสียง

การถูกจับกุมหรือถูกดำเนินคดีอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์บริษัท หากธุรกิจถูกสื่อมวลชนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเปิดเผยข้อมูล อาจทำให้ลูกค้าและพาร์ทเนอร์ธุรกิจขาดความเชื่อมั่น สูญเสียโอกาสทางธุรกิจ และอาจถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากภาครัฐในอนาคต

3. เสี่ยงต่อปัญหาด้านแรงงานและค่าจ้าง

แรงงานที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานมักไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายแรงงาน หากเกิดข้อพิพาทเรื่องค่าจ้าง สวัสดิการ หรือการเลิกจ้าง อาจนำไปสู่คดีฟ้องร้อง ซึ่งส่งผลเสียต่อนายจ้าง เช่น ถูกเรียกร้องค่าเสียหายย้อนหลัง และอาจต้องจ่ายค่าชดเชยสูงกว่าปกติ

4. เสี่ยงถูกตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐ

การจ้างแรงงานต่างชาติผิดกฎหมาย อาจทำให้บริษัทตกเป็นเป้าหมายของการตรวจสอบจากกระทรวงแรงงาน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจนำไปสู่การถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจ หรือแม้แต่ถูกระงับการดำเนินกิจการบางส่วน

5. เสี่ยงต่อการถูกแบล็กลิสต์

หากบริษัทเคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย อาจถูกขึ้นบัญชีเฝ้าระวังจากหน่วยงานรัฐ และอาจส่งผลให้การขอใบอนุญาตจ้างแรงงานต่างชาติในอนาคตถูกปฏิเสธ หรือมีเงื่อนไขที่เข้มงวดมากขึ้น

6. เสี่ยงด้านความปลอดภัยและอุบัติเหตุแรงงาน

หากแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการทำงาน นายจ้างอาจต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมถึงค่ารักษาพยาบาลและค่าชดเชยให้กับครอบครัวของแรงงาน ซึ่งอาจสูงกว่าค่าจ้างปกติหลายเท่า นอกจากนี้ หากพบว่าแรงงานไม่มีประกันสังคมหรือไม่ได้รับการคุ้มครองด้านความปลอดภัย อาจถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน

หลีกเลี่ยงความเสี่ยง ด้วยการทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย

เพื่อป้องกันปัญหาด้านกฎหมายและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น นายจ้างควรดำเนินการจ้างแรงงานต่างชาติอย่างถูกต้อง โดยตรวจสอบใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) และปฏิบัติตามข้อกำหนดของกระทรวงแรงงาน  สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจ้างแรงงานต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นนายจ้างหรือผู้ที่ต้องการดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ควรศึกษากฎระเบียบให้รอบคอบเพื่อลดความเสี่ยงทางกฎหมาย หรือหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติ สามารถขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายแรงงาน เพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างมั่นคงและปลอดภัยจากความเสี่ยงทางกฎหมาย

อ้างอิงจากเว็บไซต์ :https://news1005.mcot.net/news/18436/

เขียนโดย :กรรณิการ์ เจริญวีระวงศ์ (นักศึกษาฝึกประสบการณ์ภาษาจีน)