ในยุคปัจจุบันที่ผู้คนสามารถแสดงออกถึงความสัมพันธ์และความใกล้ชิดกันในที่สาธารณะได้ง่ายขึ้น การเดินจับมือหรือแสดงความใกล้ชิดในห้างหรือสถานที่สาธารณะเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่สำหรับผู้ที่มีคู่สมรสแล้ว การแสดงความใกล้ชิดเช่นนี้อาจกลายเป็นประเด็นที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด หรือแม้กระทั่งนำไปสู่ข้อสงสัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นคำถามที่น่าสนใจว่า “การเดินจับมือในห้างกับบุคคลที่ไม่ใช่คู่สมรสแบบนี้ถือว่าเป็นเมียน้อยหรือไม่?” บทความนี้จะมาไขข้อสงสัยในเรื่องนี้ตามข้อกฎหมายและแง่มุมทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกัน
ความหมายของ “เมียน้อย” ตามกฎหมาย

คำว่า “เมียน้อย” ในทางกฎหมายไทยไม่ได้ใช้คำว่าเมียน้อยโดยตรง แต่มีการนิยามเป็นลักษณะของ “บุคคลที่มีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยากับบุคคลที่มีคู่สมรสโดยชอบด้วยกฎหมาย” กล่าวคือ บุคคลใดที่มีความสัมพันธ์ในลักษณะดังกล่าวจะถูกเรียกว่ามีความสัมพันธ์ซ้อนกับบุคคลอื่น โดยคำนี้มักจะถูกใช้เมื่อมีการฟ้องร้องในเรื่องของการละเมิดสิทธิของคู่สมรส เช่น การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากบุคคลที่สามที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับคู่สมรส
ขอบเขตของการแสดงออกในที่สาธารณะและกฎหมาย
การจับมือหรือแสดงความใกล้ชิดในที่สาธารณะไม่ใช่สิ่งที่กำหนดว่าเป็นการมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวในทางกฎหมาย อย่างไรก็ตาม การกระทำเหล่านี้อาจถูกนำไปเป็นหลักฐานในการฟ้องร้องได้หากมีการแสดงออกที่ชัดเจนเกินควร เช่น การแสดงความสัมพันธ์เชิงชู้สาวในที่สาธารณะอย่างเปิดเผยซึ่งอาจสร้างความอับอายหรือกระทบจิตใจต่อคู่สมรสที่ชอบด้วยกฎหมาย
การฟ้องร้องในกรณีที่เกี่ยวข้องกับ “เมียน้อย” ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ในกรณีที่พบว่าคู่สมรสมีความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นในลักษณะเชิงชู้สาว คู่สมรสที่ได้รับผลกระทบสามารถดำเนินคดีเพื่อเรียกค่าเสียหายได้ โดยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1523 ระบุว่า
> “สามีหรือภริยาซึ่งได้รับความเสียหายเนื่องจากอีกฝ่ายหนึ่งมีการคบชู้ หรือผู้ที่อยู่ในฐานะคู่สมรสอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมายสามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากบุคคลที่สามได้”
การกระทำที่จะเข้าข่ายการฟ้องร้องนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเพียงแค่การมีเพศสัมพันธ์เท่านั้น แต่การกระทำที่แสดงออกถึงการมีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยา เช่น การใช้เวลาร่วมกันอย่างใกล้ชิดบ่อยครั้ง การเดินทางไปพักค้างด้วยกัน หรือการใช้ทรัพย์สินร่วมกันในลักษณะเกินควร ก็สามารถเป็นเหตุให้ถูกฟ้องร้องได้
การเดินจับมือในห้างเป็นเหตุให้ถูกฟ้องร้องได้หรือไม่?
การเดินจับมือในห้างหรือการแสดงออกถึงความใกล้ชิดที่ไม่ใช่ความสัมพันธ์เชิงชู้สาวถือว่ายังไม่เข้าข่ายการเป็น “เมียน้อย” หรือการมีชู้ในทางกฎหมาย แต่การกระทำเช่นนี้อาจสร้างความไม่สบายใจหรือความเข้าใจผิดในหมู่บุคคลที่พบเห็นได้ โดยเฉพาะหากมีพฤติกรรมเชิงใกล้ชิดอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่จับตามอง
หากคู่สมรสพบเห็นและรู้สึกว่าพฤติกรรมนี้มีแนวโน้มที่จะเป็นความสัมพันธ์เชิงชู้สาว การกระทำเช่นนี้ก็อาจกลายเป็นเหตุให้มีการตั้งข้อสงสัยและตรวจสอบเพิ่มเติมได้ อย่างไรก็ตาม การเดินจับมือในห้างยังถือว่าไม่เพียงพอต่อการฟ้องร้องในข้อหาการเป็นชู้ตามกฎหมาย
พฤติกรรมที่เข้าข่ายการเป็น “เมียน้อย” ในทางกฎหมาย
หากคู่สมรสต้องการฟ้องร้องการกระทำที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่สามเพื่อเรียกค่าเสียหายจากการมีความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาว กฎหมายจะพิจารณาจากพฤติกรรมและหลักฐานที่แสดงถึงความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยา ซึ่งอาจรวมถึง ดังนี้
1. การใช้ชีวิตร่วมกัน : การใช้ชีวิตร่วมกัน หรือการพักค้างในสถานที่เดียวกันบ่อยครั้ง
2. การใช้จ่ายเงินร่วมกัน : การส่งเงินหรือโอนเงินให้ในลักษณะของค่าใช้จ่ายประจำ
3. การเดินทางร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ : การเดินทางไปในสถานที่ต่าง ๆ ร่วมกันบ่อยครั้ง
4. การแสดงออกถึงความเป็นคู่ในที่สาธารณะ : เช่น การจูบ กอด หรือแสดงความรักในลักษณะของความสัมพันธ์เชิงชู้สาว
ปรึกษาทนายเมื่อถูกใส่ร้ายว่าเป็น “เมียน้อย”

สำหรับผู้ที่อาจตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงดังกล่าว การหลีกเลี่ยงการแสดงความใกล้ชิดในที่สาธารณะ และการมีพฤติกรรมที่ชัดเจนในเรื่องของความสัมพันธ์จะช่วยป้องกันปัญหาการฟ้องร้องที่อาจเกิดขึ้นได้ หากมีข้อสงสัยหรือรู้สึกว่าอาจถูกกล่าวหาหรือถูกฟ้องร้อง ควรปรึกษาทนายความเพื่อขอคำแนะนำและการดำเนินการในทางกฎหมายที่ถูกต้อง
ความสัมพันธ์ที่แสดงออกในที่สาธารณะควรอยู่ในขอบเขตเพื่อป้องกันปัญหา
การเดินจับมือในห้างอาจดูเป็นการกระทำเล็กน้อย แต่สำหรับผู้ที่มีคู่สมรส ควรระมัดระวังในการแสดงความใกล้ชิดโดยเฉพาะในที่สาธารณะ การเข้าใจข้อกฎหมายเกี่ยวกับการเป็น “เมียน้อย” และการมีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาช่วยให้บุคคลสามารถป้องกันตัวเองจากการฟ้องร้องและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ หากคุณหรือบุคคลใกล้ตัวกำลังเผชิญกับปัญหาด้านความสัมพันธ์และการฟ้องร้อง สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์พร้อมให้คำปรึกษาทางกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิและช่วยเหลือในกระบวนการทางกฎหมาย