เขียนรีวิวที่จริงใจกับหมิ่นประมาท มีเส้นบางๆที่เรียกว่า “กฎหมาย” กั้นอยู่

ในปัจจุบัน การรีวิวสินค้าและบริการบนโซเชียลมีเดียกลายเป็นเรื่องปกติ ผู้บริโภคมักแสดงความคิดเห็นต่อร้านค้า โรงแรม ร้านอาหาร หรือธุรกิจต่าง ๆ เพื่อบอกต่อประสบการณ์ที่ได้รับ ไม่ว่าจะเป็นด้านดีหรือด้านเสีย อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจกังวลว่าการรีวิวในเชิงลบจะเข้าข่ายหมิ่นประมาทหรือไม่

รีวิวอย่างไรไม่ให้ผิดฐานหมิ่นประมาท?

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 กำหนดข้อยกเว้นสำหรับการกระทำที่ไม่ถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท โดยระบุว่า

“ผู้ใดกล่าวหรือไขข่าวใดโดยสุจริต
(1) เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตน หรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนโดยชอบด้วยกฎหมาย
(2) ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่
(3) ติชมโดยสุจริตอันเป็นวิจารณ์ด้วยความเป็นธรรม อันเกี่ยวกับบุคคลหรือสิ่งที่เป็นวิสัยจะเปิดเผยได้”

หมายความว่า หากการรีวิวเป็นไปโดยสุจริตและเป็นการวิจารณ์ที่มีเหตุผล ไม่ได้มีเจตนาใส่ร้ายหรือให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ก็ไม่ถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท

กรณีศึกษา : คำชี้ขาดความเห็นแย้งของอัยการสูงสุดที่ 94/2566

กรณีนี้เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงข้อยกเว้นตามมาตรา 329 ได้อย่างชัดเจน

ข้อเท็จจริงของคดี

  • ผู้ต้องหาโพสต์ภาพถ่ายรีสอร์ทของตนเอง แต่ในภาพติดบริเวณหลังร้านอาหารของผู้กล่าวหา
  • ผู้ต้องหาพิมพ์ข้อความลงในเฟซบุ๊กว่า

“คุณ ๆ คิดอย่างไรกับภาพแบบนี้ นี่คือหลังร้านอาหารแห่งหนึ่ง…”
“สภาพแบบนี้แล้วอายแทน เห็นสภาพควรพัฒนาอย่างมาก บ้านเมืองเขาพัฒนาไปถึงไหน ๆ กันแล้วเนาะ กินข้าวไม่ลง”

  • ผู้กล่าวหา (เจ้าของร้านอาหาร) มองว่าข้อความดังกล่าวเป็นการดูหมิ่น ทำให้ร้านอาหารเสียชื่อเสียง จึงแจ้งความดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาท

คำวินิจฉัยของอัยการสูงสุด

อัยการสูงสุดมีความเห็นว่า การโพสต์ข้อความดังกล่าวเป็นเพียงการติชมโดยสุจริต เนื่องจากร้านอาหารเป็นสถานที่ที่ต้องรักษามาตรฐานด้านสุขอนามัย และประชาชนย่อมสามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ ถือเป็นการวิจารณ์ด้วยความเป็นธรรมตามมาตรา 329 (3)

ดังนั้น การกระทำของผู้ต้องหา ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท

หลักเกณฑ์ของการรีวิวที่ไม่ผิดกฎหมาย

จากคำวินิจฉัยข้างต้น สามารถสรุปแนวทางในการเขียนรีวิวโดยไม่ผิดกฎหมายได้ดังนี้

ติชมโดยสุจริต – การรีวิวต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ไม่เป็นการใส่ร้ายหรือบิดเบือนข้อมูล

ไม่ใช้ถ้อยคำดูหมิ่นหรือหยาบคาย – หากต้องการแสดงความคิดเห็นเชิงลบ ควรใช้ภาษาที่สุภาพและให้เหตุผลรองรับ

ไม่กล่าวหาด้วยข้อมูลเท็จ – คำวิจารณ์ต้องมีหลักฐานอ้างอิง เช่น ภาพถ่ายหรือประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้น

เป็นเรื่องที่ประชาชนมีสิทธิรับรู้ – เช่น สุขอนามัยของร้านอาหาร หรือคุณภาพของสินค้าที่ผู้บริโภคควรได้รับข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ

รีวิวแบบไหนที่อาจเสี่ยงผิดกฎหมายหมิ่นประมาท?

ใช้คำพูดดูหมิ่น เหยียดหยาม หรือโจมตีตัวบุคคล เช่น “เจ้าของร้านนี้นิสัยแย่มาก โกงลูกค้า”

ใส่ร้ายโดยไม่มีหลักฐาน เช่น “ร้านนี้ใช้วัตถุดิบหมดอายุแน่นอน” (หากไม่มีหลักฐานสนับสนุน อาจเข้าข่ายหมิ่นประมาท)

กล่าวหาเกินจริงหรือบิดเบือนข้อเท็จจริง เช่น “ร้านนี้อาหารเป็นพิษ กินแล้วต้องเข้าโรงพยาบาล” ทั้งที่ไม่มีหลักฐานชัดเจน

การรีวิวร้านค้า ร้านอาหาร หรือธุรกิจต่าง ๆ สามารถทำได้ หากเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต มีเหตุผลรองรับ และใช้ถ้อยคำที่เหมาะสม กฎหมายไทยให้การคุ้มครองบุคคลที่วิจารณ์โดยสุจริตตามมาตรา 329 แต่หากการรีวิวเป็นการใส่ร้ายหรือบิดเบือนข้อเท็จจริง ก็อาจเข้าข่ายหมิ่นประมาทและถูกดำเนินคดีได้

ดังนั้น หากต้องการรีวิวหรือวิจารณ์อะไร ควรทำด้วยความรับผิดชอบและอยู่บนพื้นฐานของความจริง เพื่อปกป้องสิทธิของตนเองและช่วยให้สังคมได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นธรรม

แม้ว่าการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย แต่ในบางกรณี เส้นแบ่งระหว่างการวิจารณ์โดยสุจริตกับการหมิ่นประมาทอาจคลุมเครือ หากไม่แน่ใจว่าข้อความที่ต้องการโพสต์อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ การปรึกษาทนายความเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด

เหตุผลที่ควรปรึกษาทนายความก่อนโพสต์รีวิวเชิงลบ

1.      ลดความเสี่ยงทางกฎหมาย – ทนายความสามารถช่วยวิเคราะห์ว่าการแสดงความคิดเห็นนั้นอยู่ในขอบเขตของมาตรา 329 หรือเสี่ยงต่อการถูกฟ้องหมิ่นประมาท

2.      ช่วยปรับแก้ถ้อยคำให้ปลอดภัย – คำพูดบางคำอาจก่อให้เกิดปัญหาทางกฎหมาย ทนายสามารถช่วยปรับแก้ให้สื่อสารได้ตรงประเด็นแต่ยังอยู่ในขอบเขตที่ปลอดภัย

3.      ให้คำแนะนำหากถูกฟ้องร้อง – หากถูกดำเนินคดี ทนายความสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับแนวทางการต่อสู้คดีและการใช้สิทธิทางกฎหมาย

หากต้องการแสดงความคิดเห็นในที่สาธารณะ การปรึกษาทนายความก่อนเป็นทางเลือกที่ดีเพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต