เข้าใจสิทธิของผู้ถือหุ้น และวิธีจัดการเมื่อถูกละเมิดสิทธิ
ในโลกของธุรกิจ การถือครอง “หุ้น” เปรียบเสมือนการมีส่วนได้ส่วนเสียในกิจการนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเล็กหรือใหญ่ ผู้ถือหุ้นย่อมมีสิทธิและหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติเรากลับพบปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เช่น ถูกใส่ชื่อเป็นผู้ถือหุ้นโดยไม่รู้ตัว หรือในทางกลับกัน ชื่อหายไปจากรายชื่อผู้ถือหุ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ หากคุณกำลังสงสัยว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์นี้ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจสิทธิของตนเอง และแนวทางการดำเนินการทางกฎหมายได้อย่างถูกต้อง
หุ้นคืออะไร?
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า “หุ้น” คือ สิทธิในความเป็นเจ้าของในบริษัท โดยเฉพาะบริษัทจำกัด (ทั้งแบบธรรมดาและมหาชน) ผู้ที่ถือหุ้นมีสิทธิในผลกำไร (ปันผล) มีสิทธิออกเสียงในที่ประชุม และมีสิทธิในการตรวจสอบเอกสารของบริษัท รวมถึงสิทธิในการเรียกร้องสิ่งที่ตนควรได้รับตามสัดส่วนหุ้นที่ถืออยู่
ปัญหาที่พบบ่อยเกี่ยวกับหุ้น

1. ถูกใส่ชื่อเป็นผู้ถือหุ้นโดยไม่ยินยอม
หลายคนอาจตกใจเมื่อพบว่าชื่อของตนปรากฏในเอกสารของบริษัทที่ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือเคยลงชื่อในเอกสารใดโดยไม่รู้เจตนา ซึ่งมักเกิดจากกรณีที่คนรู้จักนำข้อมูลส่วนตัวไปใช้ เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน แล้วนำไปยื่นจดทะเบียนบริษัทโดยไม่ได้รับความยินยอมจริง
2. ชื่อหายจากรายชื่อผู้ถือหุ้น
ในอีกด้านหนึ่งก็มีผู้เสียหายที่ลงทุนจริง จ่ายเงินจริง และมีหุ้นจริง แต่กลับพบว่าชื่อตน “หายไป” จากบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ซึ่งอาจเกิดจากการตกแต่งบัญชี การโอนหุ้นโดยปลอมแปลงเอกสาร หรือบริษัทจงใจไม่ขึ้นทะเบียนให้
ตามกฎหมายแล้ว ทำอย่างไรได้บ้าง?

✅ ตรวจสอบเอกสารกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ผู้ที่สงสัยว่าตนเป็นผู้ถือหุ้นหรือไม่ สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ถือหุ้นได้ที่เว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือขอคัดสำเนาเอกสารจากสำนักงานโดยตรง เช่น แบบ บอจ.5 ซึ่งแสดงรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันประชุมใหญ่สามัญประจำปี
หากพบว่ามีความผิดปกติ เช่น ชื่อตนปรากฏเป็นผู้ถือหุ้นโดยไม่รู้ตัว หรือหายไปจากเอกสารโดยไม่มีคำอธิบาย ให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
กรณีถูกใส่ชื่อเป็นผู้ถือหุ้นโดยไม่ยินยอม
🔹 แจ้งความร้องทุกข์
หากพบว่าชื่อของตนถูกใช้เป็นผู้ถือหุ้นโดยไม่ได้ยินยอม ให้รีบไปแจ้งความที่สถานีตำรวจในพื้นที่ เพื่อบันทึกไว้เป็นหลักฐาน และสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด
🔹 แจ้งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ยื่นคำร้องต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเพื่อขอให้ตรวจสอบและเพิกถอนรายการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยแนบหลักฐาน เช่น บันทึกประจำวัน หนังสือปฏิเสธการถือหุ้น และเอกสารส่วนตัวที่ถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
🔹 ฟ้องคดีแพ่งหรืออาญา
หากกรณีร้ายแรง เช่น มีการปลอมลายมือชื่อ หรือปลอมแปลงเอกสาร อาจต้องยื่นฟ้องคดีอาญาฐานปลอมแปลงเอกสาร และคดีแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายหรือเพิกถอนการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
กรณีชื่อหายจากผู้ถือหุ้น
🔸 เก็บหลักฐานการลงทุน
หากคุณเคยลงทุนในบริษัทนั้นจริง เช่น มีหลักฐานการโอนเงิน ซื้อขายหุ้น หรือเอกสารหุ้นกู้ ให้รวบรวมเอกสารทั้งหมดไว้ให้ครบถ้วน
🔸 ส่งหนังสือเรียกร้องไปยังบริษัท
ส่งหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรเรียกร้องให้บริษัทชี้แจงและแก้ไขรายชื่อ พร้อมแนบหลักฐานการลงทุนเพื่อแสดงสิทธิ์
🔸 ขอศาลมีคำสั่ง
หากบริษัทไม่ยอมแก้ไข หรือมีแนวโน้มปฏิเสธความรับผิดชอบ ผู้เสียหายสามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้มีคำสั่งให้บริษัทแก้ไขรายชื่อผู้ถือหุ้นและรับรองสิทธิ์การถือหุ้นของตนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
บทลงโทษตามกฎหมาย

การปลอมแปลงเอกสารเพื่อแอบอ้างชื่อเป็นผู้ถือหุ้น หรือการลบชื่อผู้ถือหุ้นโดยมิชอบ อาจเข้าข่ายความผิดทางอาญา เช่น
- ปลอมแปลงเอกสาร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264
- ใช้เอกสารปลอม ตามมาตรา 268
- ฉ้อโกง ตามมาตรา 341
ซึ่งมีโทษทั้งจำคุก ปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ
ป้องกันตนเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ
- ไม่ให้เอกสารสำคัญกับผู้อื่นโดยไม่จำเป็น เช่น บัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน
- ตรวจสอบสถานะตนเองสม่ำเสมอ โดยเฉพาะหากเคยเกี่ยวข้องกับบริษัทใด ๆ
- ปรึกษาทนายความ หากพบความผิดปกติ จะได้ดำเนินการอย่างถูกต้องทันเวลา
ระวังเสียสิทธิ์ทางกฎหมาย ควรปรึกษาทนายทันที

หุ้นไม่ใช่แค่กระดาษแผ่นหนึ่ง แต่เป็นตัวแทนของสิทธิและผลประโยชน์ในธุรกิจ หากคุณถูกใส่ชื่อเป็นผู้ถือหุ้นโดยไม่รู้ตัว หรือชื่อหายจากรายชื่อผู้ถือหุ้นโดยไม่ชอบธรรม อย่าละเลย! เพราะปัญหานี้อาจส่งผลกระทบทั้งทางกฎหมายและทางการเงินอย่างรุนแรง การตรวจสอบเอกสารและดำเนินการทางกฎหมายอย่างถูกต้องตั้งแต่ต้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ
หากคุณสงสัยว่าตนตกเป็นเหยื่อจากการปลอมแปลงหุ้น หรือการละเมิดสิทธิผู้ถือหุ้น ขอแนะนำให้รีบปรึกษาทนายความทันที เพื่อไม่ให้เสียสิทธิ์ของตนตามกฎหมาย >>ติดต่อเรา<<