ระวัง ! ไม่ทำประกันภัย เสี่ยงติดคุกจริงหรือไม่?

“ขับรถดีมาตลอด ไม่เคยชนใคร ทำไมต้องทำประกัน?” หลายคนอาจเคยคิดแบบนี้ แต่รู้หรือไม่ว่า หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาแล้วไม่มีประกันภัย อาจต้องรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดด้วยตัวเอง หรือแย่กว่านั้น อาจติดคุกได้เลย

หลายคนเข้าใจผิดว่า “ประกันภัยชั้น 1” เป็นรูปแบบของประกันที่กำหนดโดยกฎหมาย แต่แท้จริงแล้ว คำว่า “ชั้น 1” เป็นเพียงคำที่ใช้ทางการตลาด สิ่งที่มีอยู่จริงในระบบประกันภัยไทย ได้แก่

  • ประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ซึ่งเจ้าของรถทุกคนต้องทำตามกฎหมาย
  • ประกันภัยภาคสมัครใจ ได้แก่ ประเภท 1, 2, 3, 4, 5 รวมถึง 2+ และ 3+

แล้วถ้าตัดสินใจไม่ทำประกันเลย มีความเสี่ยงอะไรบ้าง? วันนี้สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์มีคำตอบจากคดีจริงที่ศาลพิพากษา และดูว่าผู้ที่ไม่มีประกันภัยจะต้องรับมือกับสถานการณ์แบบไหนบ้างจากเคสนี้ที่มีประกันภัยยังติดคุก

มีประกันยังติดคุก! ศาลตัดสินจำคุก 2 ปี 8 เดือน

คดีหมายเลขดำที่ อ. 119/2564 และคดีหมายเลขแดงที่ อ. 187/2564 เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า แม้มีประกันภัย ก็อาจติดคุกได้ หากเกิดความเสียหายร้ายแรง

เหตุการณ์ในคดีนี้เกิดขึ้นอย่างไร?

  • วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 เวลาประมาณ 6 โมงเช้า คนขับรถโดยสารประจำทาง (สาย 8) ขับรถมาตามถนนสุขสวัสดิ์
  • บริเวณที่เกิดเหตุเป็นทางโค้ง มีแสงไฟน้อย ทัศนวิสัยไม่ดี
  • ผู้เสียหายกำลังข้ามถนน แต่คนขับรถเมล์ไม่ได้ชะลอความเร็ว และพุ่งชนเข้าอย่างจัง
  • ผู้เสียหายศีรษะแตก สมองฟกช้ำ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

คดีนี้ศาลตัดสินอย่างไร?

  • ศาลพิจารณาแล้วว่า จำเลยมีความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามมาตรา 291 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
  • แม้ญาติผู้เสียชีวิตจะได้รับเงินชดเชยจากบริษัทประกันภัย และจำเลยรับสารภาพ ศาลยังตัดสินว่า การเป็นคนขับรถโดยสารสาธารณะมีความรับผิดชอบต่อสังคมมากกว่าคนขับรถทั่วไป
  • ศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา

บทเรียนจากคดีนี้

  • แม้จะมีประกันภัย แต่หากเป็นฝ่ายผิดและเกิดความเสียหายร้ายแรง อาจติดคุกได้
  • การทำประกันไม่ได้ช่วยให้พ้นจากโทษทางอาญาเสมอไป
  • กฎหมายให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะรถโดยสารสาธารณะ

ถ้ารถไม่มีประกันภัย ต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง?

มีเคสตัวอย่างจากแฟนเพจทนายอาร์ม ที่ผู้เสียหายขอคำปรึกษาว่า บิดาของเขาถูกรถชนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ได้แก่ ถุงน้ำดีแตก ลำไส้ฉีกขาด สะโพกและขาหัก ต้องรักษาตัวนานกว่า 1 เดือน

ปัญหาคือ คู่กรณีมีเพียง พ.ร.บ. ไม่มีประกันภัยภาคสมัครใจ และไม่ได้ให้ความช่วยเหลือใด ๆ ทำให้ครอบครัวผู้เสียหายต้องรับภาระค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด

ในกรณีที่คู่กรณีไม่มีประกัน ผู้เสียหายสามารถเรียกร้องอะไรได้บ้าง?

1. ค่ารักษาพยาบาล (ปัจจุบันและอนาคต)

ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการรักษาตัว รวมถึงค่ายา ค่ากายภาพบำบัด ค่าหมอ และค่าพักฟื้น

2. ค่าสินไหมทดแทนที่ไม่ใช่ตัวเงิน

  • ค่าทุกข์ทรมาน
  • ค่าขาดรายได้จากการทำงาน
  • ค่าใช้จ่ายในการดูแลคนป่วย

3. ค่าเสียหายอื่น ๆ ตามที่กฎหมายอนุญาต

หลายคนเข้าใจผิดว่า การเรียกร้องค่าเสียหายต้องอ้างอิงตามตัวเลขที่แน่นอน แต่ในความเป็นจริง กฎหมายเปิดช่องให้สามารถเรียกค่าเสียหายได้ตามสมควร เช่น

  • หากบาดเจ็บสาหัส อาจเรียกค่าทรมานทางร่างกายและจิตใจหลักล้านบาท
  • ค่าเสียโอกาสในการทำงาน
  • ค่าดูแลในอนาคตหากผู้เสียหายไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้

ไม่ทำประกันภัย เสี่ยงทั้งติดคุกและรับภาระหนี้สินเองทั้งหมด

📌 ข้อเท็จจริงที่ต้องรู้

ถ้าขับรถชนคนจนบาดเจ็บหรือเสียชีวิต อาจติดคุก แม้จะมีประกันภัย
หากไม่มีประกันภาคสมัครใจ ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายเองทั้งหมด
ผู้เสียหายสามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้หลายประเภท ไม่ใช่แค่ค่ารักษาพยาบาล
หากไม่มีเงินจ่าย อาจถูกฟ้องและมีโทษทางอาญา

ทางออกที่ดีที่สุด คือ ทำประกันภัย

การทำประกันภัยภาคสมัครใจช่วยให้ไม่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายเองทั้งหมด เช่น

  • ประกันชั้น 1 คุ้มครองทั้งรถคู่กรณีและรถของเรา
  • ประกันชั้น 2+ และ 3+ คุ้มครองคู่กรณีและค่ารักษาพยาบาล
  • หากไม่มีประกันเลย อาจต้องหาเงินจ่ายเอง หรือถูกฟ้องจนต้องโทษจำคุก

“ไม่มีใครรู้ว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่แน่นอนที่สุดคือ ค่าใช้จ่ายมหาศาลที่ต้องจ่าย และความเสี่ยงทางกฎหมายที่อาจตามมา”

อย่ารอให้สายเกินไป ทำประกันภัยวันนี้ ดีกว่าต้องรับผิดชอบทุกอย่างเอง!

อย่าลืมประกันภัยชั้นนำ คัดสรรบริษัทประกันชั้นเยี่ยมต้องที่ >> โปรเด็ดประกันภัย By ทนายอาม