นอมินี ผิดกฎหมายไหม?

คำว่า “นอมินี” หรือ Nominee เป็นคำที่มักได้ยินบ่อย ๆ ในแวดวงธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนจากต่างชาติในประเทศไทย หลายครั้งที่เราพบเห็นชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ามาทำธุรกิจในประเทศ ซึ่งกฎหมายไทยกำหนดให้คนต่างชาติมีข้อจำกัดในการถือหุ้นในบริษัทบางประเภท ดังนั้นบางคนจึงใช้วิธีหาคนไทยมาเป็น “ตัวแทน” หรือ “นอมินี” เพื่อเข้ามาถือหุ้นแทนพวกเขาเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมาย แต่การกระทำนี้ถือว่ามีความเสี่ยงและอาจเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

นอมินี คืออะไร?

นอมินี คือบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนถือหุ้น หรือทรัพย์สินในนามของบุคคลอื่น โดยเฉพาะกรณีที่คนไทยทำหน้าที่ถือหุ้นแทนชาวต่างชาติ ซึ่งจริง ๆ แล้วหุ้นดังกล่าวเป็นของชาวต่างชาติ แต่ใช้ชื่อคนไทยในการถือครองหุ้น ทั้งนี้ เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินกิจการได้ตามที่กฎหมายกำหนด แต่ในความเป็นจริงแล้ว นอมินี ไม่มีอำนาจในการควบคุมหรือดำเนินธุรกิจ และการทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่ขัดต่อกฎหมายไทย แต่ยังมีโทษทางกฎหมายที่รุนแรงอีกด้วย

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับนอมินี

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับนอมินีในประเทศไทยนั้นคือ พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ซึ่งกฎหมายฉบับนี้มีเป้าหมายในการควบคุมการลงทุนจากต่างชาติในธุรกิจที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ เช่น ธุรกิจเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ หรือธุรกิจที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ

ตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ ชาวต่างชาติไม่สามารถถือหุ้นเกิน 49% ในธุรกิจบางประเภทได้ หากถือหุ้นมากกว่านี้ จะต้องมีใบอนุญาตพิเศษจากรัฐบาล และหากมีการใช้นอมินีมาเป็นตัวแทนถือหุ้นก็จะถือว่าเป็นการหลีกเลี่ยงกฎหมาย

กฎหมายยังมีการระบุโทษไว้อย่างชัดเจน หากพบว่ามีการใช้นอมินีในการทำธุรกิจ หรือการถือหุ้นแทนคนต่างชาติ การทำเช่นนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและมีโทษทางอาญา

โทษทางกฎหมายของการใช้นอมินี

การใช้นอมินีในการดำเนินธุรกิจหรือถือหุ้นแทนคนต่างชาตินั้นมีโทษทางกฎหมาย ซึ่งประกอบด้วยทั้งโทษจำคุกและโทษปรับ หากถูกตรวจพบว่ามีการใช้นอมินี บริษัทและผู้ที่เกี่ยวข้องอาจต้องเผชิญกับบทลงโทษดังนี้

1. โทษจำคุก : ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการใช้นอมินีอาจถูกจำคุกได้สูงสุดถึง 3 ปี ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว

2. โทษปรับ : นอกจากโทษจำคุกแล้ว ยังมีโทษปรับที่อาจสูงถึง 1,000,000 บาท และหากพบว่าเป็นการกระทำต่อเนื่องก็อาจมีการปรับเพิ่มเติมอีกวันละ 10,000 บาท จนกว่าผู้กระทำผิดจะยุติการกระทำดังกล่าว

3. การถูกยึดทรัพย์สิน : ทรัพย์สินหรือหุ้นที่ถูกถือครองโดยนอมินีอาจถูกยึดได้ตามกฎหมาย หากพบว่ามีการใช้นอมินีในการหลีกเลี่ยงกฎหมาย

4. การยกเลิกใบอนุญาตประกอบธุรกิจ : ธุรกิจที่ใช้นอมินีในการดำเนินการอาจถูกยกเลิกใบอนุญาตประกอบธุรกิจทันที ซึ่งส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดำเนินกิจการในประเทศไทยได้อีกต่อไป

ทำไมการใช้นอมินีถึงผิดกฎหมาย?

การใช้นอมินีในการดำเนินธุรกิจนั้นถูกมองว่าเป็นการละเมิดหลักความโปร่งใสทางธุรกิจ เพราะเป็นการปกปิดข้อมูลที่แท้จริงของผู้ถือหุ้นที่เป็นชาวต่างชาติ นอกจากนี้ยังเป็นการหลีกเลี่ยงกฎหมายที่มีขึ้นเพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของคนไทยและเศรษฐกิจของประเทศ

นอกจากนี้ การใช้นอมินียังส่งผลกระทบต่อความเป็นธรรมทางธุรกิจ เพราะอาจทำให้ธุรกิจที่มีการใช้นอมินีได้รับสิทธิพิเศษที่ไม่ควรได้ และส่งผลกระทบต่อการแข่งขันทางธุรกิจที่เป็นธรรม

วิธีป้องกันการถูกหลอกให้เป็นนอมินี
หลายคนอาจไม่รู้ตัวว่าตนเองถูกใช้เป็นนอมินี ดังนั้นการตระหนักรู้เกี่ยวกับกฎหมายและการป้องกันตัวเองจากการถูกหลอกให้เป็นนอมินีจึงเป็นเรื่องสำคัญ นี่คือข้อควรระวังบางประการ

1. ตรวจสอบข้อตกลงในการทำธุรกิจ : หากมีคนชวนคุณเข้ามาถือหุ้นในธุรกิจ ต้องทำความเข้าใจในข้อตกลงและเงื่อนไขให้ชัดเจน อย่าลงนามในเอกสารใด ๆ หากคุณไม่เข้าใจความหมายหรือไม่มั่นใจในข้อตกลงนั้น ๆ

2. ปรึกษาทนายความ : การปรึกษาทนายความหรือผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายสามารถช่วยให้คุณเข้าใจข้อกฎหมายและป้องกันไม่ให้คุณถูกใช้เป็นนอมินีโดยไม่รู้ตัว3. ระวังคำชักชวนที่ดูดีเกินจริง : หากมีข้อเสนอทางธุรกิจที่ดูดีเกินจริง เช่น มีการเสนอให้คุณถือหุ้นโดยไม่ต้องลงทุน หรือมีการสัญญาว่าคุณจะได้รับผลตอบแทนที่สูงมาก ๆ คุณควรพิจารณาให้ดี เพราะอาจเป็นการหลอกลวงให้คุณเป็นนอมินี

ถูกดำเนินคดีเรื่องนอมินี ควรทำอย่างไร?

หากคุณถูกหมายเรียกเกี่ยวกับคดีนอมินี หรือถูกดำเนินคดีในข้อหานอมินี สิ่งที่ควรทำคือการปรึกษาทนายความทันที เพื่อให้คำแนะนำและดำเนินคดีอย่างถูกต้อง ทนายความจะช่วยวิเคราะห์สถานการณ์และเตรียมการป้องกันตนเองในกระบวนการทางกฎหมาย ทั้งนี้เพื่อให้คุณได้รับการคุ้มครองตามสิทธิ์ของคุณเอง

การเป็นนอมินี หรือการใช้นอมินีในการทำธุรกิจถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย และมีโทษทางอาญาที่รุนแรง ดังนั้น ผู้ที่ทำธุรกิจควรปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับกฎหมาย ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือทนายความเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายในอนาคต