ในปัจจุบัน “ประกันภัยรถยนต์” ไม่ใช่เรื่องไกลตัว และไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือยอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานสำหรับผู้ใช้รถทุกคน ไม่ว่าคุณจะขับรถไปทำงาน ขับไปพบลูกค้า เดินทางต่างจังหวัด หรือเป็นคนที่ต้องใช้รถเป็นประจำในชีวิตประจำวัน เพราะการใช้ชีวิตบนท้องถนนเต็มไปด้วยความเสี่ยงที่เราไม่สามารถคาดเดาได้เลยแม้แต่น้อย
วัตถุประสงค์ของการทำประกันภัยรถยนต์นั้น เข้าใจได้ง่ายมาก คือ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเหตุไม่คาดฝัน โดยเฉพาะกรณีที่เราเป็นฝ่ายไปชนผู้อื่น แล้วไม่สามารถรับภาระค่าเสียหายได้ด้วยตัวเอง เพราะเราไม่รู้เลยว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจะส่งผลร้ายแรงเพียงใดต่อคู่กรณี
บางกรณีอาจเป็นเพียงรถเสียหายเล็กน้อย แต่บางกรณีอาจร้ายแรงถึงขั้น
- คู่กรณีได้รับบาดเจ็บสาหัส
- เกิดทุพพลภาพถาวร
- หรือร้ายแรงที่สุด คือ การเสียชีวิต
นอกจากนี้ ยังมีความเสียหายต่อทรัพย์สิน รถยนต์ สิ่งปลูกสร้าง หรือทรัพย์สินของบุคคลอื่น ซึ่งค่าเสียหายเหล่านี้อาจสูงเกินกว่าที่บุคคลทั่วไปจะรับผิดชอบได้ การมีประกันภัยรถยนต์จึงเปรียบเสมือน “เกราะป้องกัน” ที่สามารถแบ่งเบาภาระและคุ้มครองทั้งผู้ขับขี่และผู้เสียหาย
ชีวิตบนท้องถนน เต็มไปด้วยความเสี่ยงที่เลี่ยงไม่ได้

ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้คือ ทุกวันนี้การใช้ชีวิตคือการอยู่บนความเสี่ยง
- เสี่ยงที่เราจะไปชนเขา
- และเสี่ยงที่เขาจะมาชนเรา
ไม่ว่าจะขับรถดีแค่ไหน ระมัดระวังเพียงใด ก็ไม่อาจควบคุมพฤติกรรมของผู้ใช้ถนนคนอื่นได้ ยิ่งคนที่ต้องเดินทางบ่อย โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุก็ยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม “ประกันภัยรถยนต์” จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง และยิ่งจำเป็นมากขึ้นในยุคปัจจุบัน
ความจริงอีกด้าน เมื่อเกิดเหตุ บริษัทประกันภัยอาจไม่เป็นอย่างที่คิด

แม้ประกันภัยรถยนต์จะเป็นสิ่งจำเป็น แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่า เมื่อเกิดความวินาศภัย บริษัทประกันภัยหลายแห่งกลับไม่เป็นเหมือนตอนขายประกัน
จากประสบการณ์ของสำนัก งานกฎหมายวงศกรณ์ พบว่ามีหลายกรณีที่บริษัทประกันภัย
- ปฏิเสธความรับผิด
- เสนอชดใช้ค่าเสียหายน้อยกว่าความเสียหายจริง
- หรือใช้เงื่อนไขทางเทคนิคมาเป็นข้ออ้างในการไม่จ่ายค่าสินไหม
ผู้เสียหายจำนวนมากซึ่งเป็นลูกค้าและผู้บริโภคที่เชื่อใจบริษัทประกันภัย กลับไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งที่จ่ายเบี้ยประกันมาอย่างต่อเนื่อง หลายเคสต้องมาจบที่การปรึกษาทนายความ เพราะไม่สามารถต่อรองกับบริษัทประกันภัยได้ด้วยตนเอง
แต่ข้อดีของประกันภัยรถยนต์ คือ “ยังมีผู้รับผิดชอบ”

แม้จะมีปัญหาในการเคลม แต่ก็ต้องยอมรับว่า ประกันภัยรถยนต์ยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
ลองเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจน
กรณีที่ 1 : ถูกรถชน และคู่กรณีมีประกันภัย
คุณสามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทประกันภัยได้โดยตรง บริษัทมีศักยภาพในการชดใช้ และมีระบบรองรับความเสียหาย
กรณีที่ 2 : ถูกรถชน และคู่กรณีไม่มีประกันภัย
การเรียกร้องค่าเสียหายจะยากขึ้นทันที โดยเฉพาะหากคู่กรณีอ้างว่า “ไม่มีเงิน” สุดท้ายอาจต้องเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้อง ซึ่งใช้เวลานาน ค่าใช้จ่ายสูง และไม่ใช่วิสัยของคนไทยส่วนใหญ่
หลายคนจึงเลือก “ยอมความ”
- เพราะสงสารคู่กรณี
- เพราะเห็นว่าชีวิตลำบาก
- หรือคิดว่า “ได้เท่าไหร่ก็เอา ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย”
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่าหากคู่กรณีมีประกันภัยรถยนต์ทุกอย่างจะง่ายขึ้นทันที
ทำประกันภัยรถยนต์ให้ดี ต้อง “รู้ทันประกันภัย” ด้วย

การทำประกันภัยรถยนต์ที่ดี ไม่ใช่แค่เลือกเบี้ยถูก หรือเลือกทุนประกันสูงเท่านั้น แต่ต้อง
- เข้าใจสิทธิของผู้เอาประกัน
- รู้เงื่อนไขกรมธรรม์
- และมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาเมื่อเกิดเหตุ
เพราะในความเป็นจริง บริษัทประกันภัยมีทีมกฎหมายอยู่เบื้องหลังทุกเคส ผู้เอาประกันเองก็ควรมีที่ปรึกษาที่รู้กฎหมายและระบบประกันเช่นกัน เพื่อไม่ให้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ประกันภัยรถยนต์ที่มากกว่าการคุ้มครอง สำนักงานประกันวินาศภัยศุภสิทธิ์ ศิริ คือคำตอบ

หากคุณกำลังมองหาประกันภัยรถยนต์ที่มากกว่าการคุ้มครอง แต่ให้ความอุ่นใจเมื่อเกิดเหตุจริง
สำนักงานประกันวินาศภัยศุภสิทธิ์ ศิริ คือคำตอบ
ที่นี่ไม่ได้มีเพียงประกันภัยรถยนต์จากบริษัทชั้นนำให้เลือกหลากหลาย แต่ยังมีทนายความให้คำปรึกษาด้านกฎหมายและประกันภัยรถยนต์ทันทีเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ทำให้คุณรู้ทันระบบประกัน ไม่ถูกเอาเปรียบ และสามารถเรียกร้องสิทธิของตนเองได้อย่างถูกต้อง
ประกันภัยที่ดี ไม่ควรทิ้งคุณไว้ลำพังในวันที่เกิดเหตุ
เลือกทำประกันภัยรถยนต์กับผู้ที่เข้าใจทั้ง “กฎหมาย” และ “ประกันภัย” อย่างแท้จริง สนใจทำประกันภัยรถยนต์ ติดต่อเรา หรือสแกน QR Code เพื่อแอดไลน์ ปรึกษา/สอบถามได้ทันทีตั้งแต่วันนี้

