ค่าเสียหายส่วนแรกคืออะไร ทำประกันภัยรถยนต์แบบนี้ดีหรือไม่?

ค่าเสียหายส่วนแรก 1

ค่าเสียหายส่วนแรก คือจำนวนเงินที่ผู้เอาประกันภัยจะต้องจ่ายเพิ่มให้บริษัทประกันภัยตามที่ คปภ. กำหนด เพื่อป้องกันกรณีแจ้งเคลมรถโดยไม่มีอุบัติเกิดขึ้นจริง หรือเกิดจากการที่ผู้ขับขี่ขับรถโดยประมาท สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ ค่าเสียหายส่วนแรกแบบ Excess และ ค่าเสียหายส่วนแรกแบบ Deductible ซึ่งค่าเสียหายส่วนแรกทั้งสองประเภทนี้จะมีความแตกต่างกัน

ค่าเสียหายส่วนแรกแบบ Excess

คือค่าเสียหายส่วนแรกภาคบังคับ ใช้กับเฉพาะประกันภัยชั้น 1 เป็นค่าเสียหายส่วนแรกของผู้เอาประกันภัยที่จะต้องจ่ายให้กับบริษัทประกันเมื่อต้องการเอารถเข้าซ่อมในศูนย์ หรืออู่ โดยจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกเริ่มต้นที่ 1,000 บาท/เหตุการณ์ ในกรณีผู้เอาประกันแจ้งอุบัติเหตุรถชนไม่ทราบคู่กรณี, ไม่สามารถแจ้งรายละเอียดของคู่กรณีได้, ประมาทเอง หรือมีสาเหตุที่ไม่ชัดเจน ตัวอย่างเช่น

– รอยขูดขีด รอยของแข็งกระเด็นใส่ ที่ไม่มีที่มา รอยที่ไม่ได้เกิดจากการชนหรือรถคว่ำ 

– รถเสียหายจากการชนวัตถุ สิ่งของ แต่ระบุสาเหตุที่ทำให้รถเสียหายไม่ได้ ไม่รู้วัน เวลา สถานที่เมื่อรถเกิดความเสียหาย 

– ขับรถตกท่อ ตกขอบถนนแล้วเกิดความเสียหาย ในขณะเดียวกันแม้ไม่มีคู่กรณีที่เป็นรถยนต์ แต่ถ้าหากสามารถระบุได้ว่า รถเสียหายจากอะไร มีข้อมูลลักษณะการเกิดเหตุ วันเวลา มีสถานที่ชัดเจน เช่น รั้ว ต้นไม้ สัตว์ ก้อนหิน หรือ ความเสียหายที่ทำให้ตัวรถ บุบ แตก ร้าว กรณีแบบนี้เจ้าของรถที่ทำประกันไว้ก็ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกแบบ Excess

ค่าเสียหายส่วนแรกแบบ Deductible

คือค่าเสียหายส่วนแรกที่ผู้เอาประกันยินยอมจ่ายให้กับบริษัทประกันด้วยความสมัครใจ ในกรณีเกิดอุบัติเหตุและต้องการเคลมรถ โดยที่ผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิดและทั้งแบบมีคู่กรณีตามข้อตกลงในกรมธรรม์ โดยค่าเสียหายแบบ Deductible นี้จะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกอยู่ที่ประมาณ 2,000 – 5,000 บาท แต่หากผู้เอาประกันเป็นฝ่ายถูกก็จะไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกแบบ Deductible เลย และค่าเสียหายส่วนแรกแบบ Deductible นี้สามารถนำไปลดเบี้ยประกันได้ด้วย เราสามารถเลือกให้มีค่า Deductible ในกรมธรรม์หรือไม่ก็ได้ ถ้าหากเรามีความมั่นใจในการขับขี่ของเราว่าจะไม่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น ก็สามารถกำหนดค่าเสียหายส่วนแรกไว้สูงหน่อยก็ได้ เพราะมีผลทำให้ค่าเบี้ยประกันรถ ราคาถูกลงไปตามนั้นด้วย ในขณะที่โอกาสในการที่ต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกนี้ก็ไม่มาก เพราะเราเป็นคนขับรถตามกฎระเบียบและไม่ประมาท ดังนั้นค่าเสียหายส่วนแรก Deductible เหมาะสำหรับเจ้าของรถที่มั่นใจในความสามารถและการขับขี่ของตัวเอง หรือมั่นใจว่าจะตนเองจะสามารถขับรถด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาท

การซื้อประกันภัยรถยนต์แบบค่าเสียหายส่วนแรกดีอย่างไร

ข้อดีของการซื้อประกันรถยนต์ที่มีค่าเสียหายส่วนแรกคือ ช่วยแบ่งเบาภาระค่าเบี้ยประกันต่อปีให้จ่ายได้ถูกลง เช่น เจ้าของรถที่มีความชำนาญ ขับรถมานานแล้วไม่เคยมีอุบัติเหตุใดๆ ประวัติดีมาตลอด ก็อาจเหมาะกับการเลือกประกันรถยนต์ที่มีค่าเสียหายส่วนแรกเพื่อจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกนั้นเองและลดเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายต่อปีลง ยกตัวอย่างเช่น ซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 ซึ่งเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายคือ 14,800 บาท หากเลือกแผนประกันที่มีค่าเสียหายส่วนแรก โดยเลือกเป็นคนจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกเอง 3000 บาท ค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายอาจลดลงเหลือ 11,800 บาทต่อปี หรือเลือกจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกเอง 5000 บาท ค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายอาจลดลงเหลือ 9,800 บาทต่อปี แบบนี้เป็นต้น

ทั้งนี้นอกเหนือจากเรื่องของส่วนลดเบี้ยประกันแล้ว นิสัยการใช้รถ ทักษะการขับรถ และเส้นทางเดินทางก็มีส่วนสำคัญในการตัดสินใจ หากมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย หลายคนก็มักเลือกจ่ายรวมกับเบี้ยประกันไปเลยโดยการซื้อประกันที่ไม่มีค่าเสียหายส่วนแรกเพราะคุ้มกว่าการต้องมาคอยจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกเองในทุกๆ ครั้ง ตัวอย่างเช่น 

• เป็นมือใหม่หัดขับ ยังขับรถไม่คล่อง เคยมีเหตุเฉี่ยวชน 

• เส้นทางที่ขับมักเป็นเส้นที่ใช้ความเร็วสูง เกิดอุบัติเหตุบ่อย 

• ขับรถกลางคืนประจำ ขับรถข้ามจังหวัดถี่ๆ 

• ใช้รถประจำ ขับรถทุกวัน มีแนวโน้มเกิดอุบัติเหตุสูง

การเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ในแต่ละประเภท ควรคำนึงถึงความต้องการของผู้ใช้รถเป็นหลักว่าอยากได้การคุ้มครองแบบไหน หรือว่าจะเลือกประกันภัยที่เหมาะกับการขับขี่ของเรา แต่ทั้งนี้อย่าลืมดูกรมธรรม์ให้ดีนะคะว่ามีเงื่อนไขอย่างไร ทางที่ดีควรเลือกบริษัทประกันภัยที่น่าเชื่อถือได้ค่ะ