ความเสี่ยงทางกฎหมายและการจัดการเมื่อถูกดำเนินคดีนอมินีในประเทศไทย

ประเทศไทยในปัจจุบันหรือในยุคไหน ๆ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีการพบเห็นการตั้งบริษัทที่มีบุคคลถือหุ้นแทนเจ้าของที่แท้จริง ซึ่งมักเป็นชาวต่างชาติในหลายกรณี การตั้งนอมินีถือหุ้นเพื่อหลีกเลี่ยงข้อกฎหมายการถือหุ้นโดยชาวต่างชาติที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือเกินสัดส่วนที่กฎหมายกำหนด ซึ่งกฎหมายไทยกำหนดให้ชาวต่างชาติสามารถถือหุ้นในบริษัทไทยได้เพียงสัดส่วนไม่เกิน 49% เท่านั้น อย่างไรก็ตาม การจดทะเบียนบริษัทที่มีการถือหุ้นแทนหรือ “นอมินี” อาจนำไปสู่ความผิดทางกฎหมายและมีโทษทางอาญา โดยเฉพาะเมื่อมีการตรวจสอบโดยหน่วยงานรัฐ เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือการถูกดำเนินคดีโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ

ความเสี่ยงและปัญหาทางกฎหมายของการตั้งนอมินี

การตั้งบริษัทในรูปแบบที่มีบุคคลถือหุ้นแทนเจ้าของจริง หรือที่เรียกว่า “นอมินี” เป็นสิ่งที่มีความเสี่ยงสูงตามกฎหมายไทย โดยเฉพาะในส่วนของกฎหมายธุรกิจและกฎหมายอาญา การถือหุ้นแทนหรือทำหน้าที่เป็นนอมินีของชาวต่างชาติที่ต้องการเลี่ยงข้อจำกัดการถือหุ้นของชาวต่างชาติในธุรกิจบางประเภทสามารถนำไปสู่ความผิดทางกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการชำระเงินค่าหุ้นไม่ได้เกิดขึ้นจริงหรือมีการโอนเงินเข้าบัญชีของนอมินีโดยไม่ได้มีการชำระเงินค่าหุ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

เมื่อมีการตั้งนอมินี บุคคลที่ทำหน้าที่เป็นนอมินีถือหุ้นอาจไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจจริงๆ ในการดำเนินธุรกิจของบริษัท แต่ทำหน้าที่เพียงเป็นตัวแทนหรือหน้าม้าในการถือหุ้น ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติ พ.ศ. 2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับกิจการที่จำกัดการถือหุ้นของชาวต่างชาติ

นอกจากนี้การไม่ชำระเงินค่าหุ้นอย่างถูกต้อง หรือการชำระเงินในลักษณะที่หลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากทางการ เช่น การโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวหรือไม่ชำระเงินเลย อาจนำไปสู่การถูกกล่าวหาว่ามีการฉ้อโกงหรือหลอกลวงทางการเงิน ซึ่งเป็นความผิดทางอาญาที่ร้ายแรง หากมีการพิสูจน์ว่ามีการตั้งนอมินีเพื่อหลีกเลี่ยงข้อกฎหมายหรือมีเจตนาทุจริต นอมินีและเจ้าของจริงอาจถูกดำเนินคดีทั้งในแง่ของกฎหมายธุรกิจและกฎหมายอาญา

การดำเนินคดีทางอาญาและกระบวนการกฎหมาย

หากพบว่ามีการถือหุ้นแทนที่ไม่ได้เป็นไปตามกฎหมาย การดำเนินคดีอาญาอาจเกิดขึ้นได้ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจมีอำนาจในการตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ในกรณีที่พบว่ามีการตั้งนอมินีหรือมีการชำระเงินค่าหุ้นที่ไม่ถูกต้อง บริษัทและผู้ถือหุ้นอาจได้รับหมายเรียกจากตำรวจหรือหน่วยงานรัฐอื่นๆ เพื่อให้เข้ารับการสอบสวน

ในกรณีที่ถูกหมายเรียกจากตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ สิ่งสำคัญที่ควรทำทันทีคือการติดต่อทนายความเพื่อขอคำปรึกษาและดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายอย่างถูกต้อง การเพิกเฉยหรือพยายามหลีกเลี่ยงการดำเนินคดีอาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง เนื่องจากการไม่เข้ารับการสอบสวนหรือการไม่ตอบหมายเรียกอาจทำให้มีการออกหมายจับหรือการบังคับคดีที่รุนแรงขึ้น

การมีทนายความที่เชี่ยวชาญในด้านกฎหมายธุรกิจและกฎหมายอาญาจะช่วยให้สามารถต่อสู้คดีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทนายความจะช่วยในการวิเคราะห์สถานการณ์ เสนอแนวทางแก้ไขปัญหา และดำเนินการต่อสู้คดีอย่างมืออาชีพ นอกจากนี้ ทนายความยังสามารถช่วยในการเจรจากับหน่วยงานรัฐหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ถูกกล่าวหา

โทษทางอาญาที่เกี่ยวข้อง

การถือหุ้นแทนชาวต่างชาติหรือการทำหน้าที่เป็นนอมินีในลักษณะที่ขัดต่อกฎหมายสามารถถูกดำเนินคดีและมีโทษทางอาญาหลายประการ โทษที่เกี่ยวข้องกับการทำผิดกฎหมายในลักษณะนี้อาจรวมถึง

1. โทษจำคุก : หากพบว่ามีการหลีกเลี่ยงข้อกฎหมายเกี่ยวกับการถือหุ้นของชาวต่างชาติ ผู้ที่มีส่วนร่วมในกระบวนการนี้อาจถูกจำคุกเป็นเวลาหลายปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของการกระทำผิด

2. โทษปรับ : นอกเหนือจากการจำคุก ผู้กระทำผิดอาจถูกสั่งปรับเงินจำนวนมากตามที่กฎหมายกำหนด

3. การเพิกถอนใบอนุญาต : ในกรณีของบริษัท หากพบว่ามีการกระทำผิดเกี่ยวกับการตั้งนอมินี บริษัทอาจถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ทำให้ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้

4. ความรับผิดในความเสียหาย : หากการกระทำของนอมินีหรือผู้ถือหุ้นแทนก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ถือหุ้นรายอื่น หรือบุคคลที่สาม อาจต้องรับผิดชอบในความเสียหายทั้งทางแพ่งและทางอาญา

การจัดการปัญหาและแนวทางการป้องกัน

เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับปัญหาทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการตั้งนอมินี สิ่งที่สำคัญคือการปฏิบัติตามกฎหมายธุรกิจและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการถือหุ้นของชาวต่างชาติอย่างเคร่งครัด หากต้องการลงทุนในประเทศไทยในธุรกิจที่จำกัดสัดส่วนการถือหุ้นของชาวต่างชาติ ควรพิจารณาใช้ช่องทางที่ถูกกฎหมาย เช่น การลงทุนผ่านกิจการร่วมค้า (joint venture) หรือการขออนุญาตการลงทุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมทางการเงินที่ไม่โปร่งใส หรือการชำระเงินค่าหุ้นที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกกล่าวหาว่ามีการทุจริตหรือฉ้อโกง การใช้บริการทนายความหรือที่ปรึกษากฎหมายที่มีประสบการณ์ในการจัดตั้งบริษัทและการลงทุนจะช่วยให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ลดความเสี่ยงในการเผชิญกับปัญหาทางกฎหมายในอนาคต

โดยสรุปแล้ว การถือหุ้นแทนหรือการตั้งนอมินีในประเทศไทยเป็นสิ่งที่มีความเสี่ยงสูงตามกฎหมาย และการถูกดำเนินคดีอาจนำไปสู่โทษทางอาญาที่รุนแรง ดังนั้น ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตั้งบริษัทควรให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้องและมีที่ปรึกษากฎหมายที่เชี่ยวชาญเพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างปลอดภัย