“เช็ค” เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในธุรกิจและการทำธุรกรรมทางการเงินในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม การใช้เช็คอย่างไม่ถูกต้องหรือการออกเช็คโดยไม่มีเงินรองรับอาจนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมายได้ ดังนั้น ผู้ใช้เช็คควรทำความเข้าใจหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงแนวคำพิพากษาฎีกาที่เกี่ยวกับเช็ค เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติให้ถูกต้อง
เช็คคืออะไร และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องมีอะไรบ้าง?

เช็ค (Cheque) เป็นเอกสารที่ใช้สั่งจ่ายเงินจากบัญชีธนาคารของผู้สั่งจ่ายให้แก่ผู้รับเงิน โดยมีองค์ประกอบสำคัญดังนี้
- ชื่อธนาคาร ที่ต้องนำเช็คไปขึ้นเงิน
- ชื่อผู้รับเงิน อาจระบุชื่อบุคคลหรือเป็นเช็คระบุ “ผู้ถือ”
- จำนวนเงิน ที่ต้องการจ่าย
- วันที่ออกเช็ค ซึ่งเป็นวันเริ่มใช้เช็ค
- ลายมือชื่อของผู้สั่งจ่าย ซึ่งต้องตรงกับลายเซ็นในบัญชีธนาคาร
ตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มีข้อกำหนดว่า หากมีการออกเช็คโดยไม่มีเงินเพียงพอ หรือมีการสั่งระงับการจ่ายเช็คโดยมิชอบ อาจเข้าข่ายความผิดทางอาญา
เช็คเด้ง และผลทางกฎหมายที่ต้องรู้

“เช็คเด้ง” หมายถึง เช็คที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเนื่องจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น
- บัญชีไม่มีเงินเพียงพอ
- บัญชีถูกปิด
- เช็คมีข้อผิดพลาด เช่น ลายเซ็นไม่ถูกต้อง
- ผู้สั่งจ่ายสั่งระงับการจ่ายเงินโดยไม่มีเหตุอันสมควร
โทษทางอาญาของเช็คเด้ง
ตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 ผู้ที่ออกเช็คเด้งอาจได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ ผู้รับเช็คสามารถดำเนินการฟ้องร้องทางแพ่งเพื่อเรียกเงินคืนและดอกเบี้ยได้ โดยต้องฟ้องร้องภายในอายุความ 3 เดือน นับจากวันที่เช็คถูกปฏิเสธการจ่าย
ตัวอย่างฎีกาเกี่ยวกับเช็ค
ฎีกาที่ 341/2559
ข้อเท็จจริง : จำเลยออกเช็คให้โจทก์เพื่อนำไปขึ้นเงิน แต่เมื่อโจทก์นำเช็คไปขึ้นเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเนื่องจากบัญชีไม่มีเงินเพียงพอ โจทก์จึงแจ้งความดำเนินคดีอาญา
คำวินิจฉัยของศาลฎีกา : ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยออกเช็คโดยรู้อยู่แล้วว่าบัญชีไม่มีเงินเพียงพอ ถือว่าเข้าข่าย “ออกเช็คโดยไม่มีเงินรองรับ” ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 ส่งผลให้จำเลยต้องรับโทษทางอาญา
ข้อคิดจากฎีกานี้ : หากออกเช็คโดยไม่มีเงินในบัญชี ไม่ว่าจะมีเจตนาทุจริตหรือไม่ อาจเข้าข่ายความผิดทางอาญาได้
ฎีกาที่ 8723/2560
ข้อเท็จจริง : นาย ก. ได้ออกเช็คให้บริษัท ข. เป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท ต่อมาธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเนื่องจากบัญชีถูกปิด บริษัท ข. จึงฟ้องนาย ก. เป็นคดีแพ่งและคดีอาญา
คำวินิจฉัยของศาลฎีกา : ศาลเห็นว่า นาย ก. ออกเช็คโดยรู้ว่าบัญชีถูกปิดอยู่แล้ว ถือว่ามีเจตนาทุจริตในการออกเช็ค และต้องรับโทษทางอาญาตามกฎหมาย
ข้อคิดจากฎีกานี้ : หากบัญชีถูกปิดแล้ว แต่ยังออกเช็คเพื่อชำระหนี้ อาจถือว่ามีเจตนาทุจริตและต้องรับโทษทางอาญา
ฎีกาที่ 1839/2561
ข้อเท็จจริง : นาย ค. ได้รับเช็คจากนาย ง. และนำเช็คไปขึ้นเงิน แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเนื่องจากบัญชีไม่มีเงินเพียงพอ นาย ค. ได้แจ้งความดำเนินคดีอาญา แต่ล่าช้าไปกว่า 3 เดือนหลังเช็คเด้ง
คำวินิจฉัยของศาลฎีกา : ศาลเห็นว่า การดำเนินคดีอาญาต้องแจ้งความภายใน 3 เดือนนับจากวันที่เช็คถูกปฏิเสธ หากล่าช้า จะไม่สามารถเอาผิดทางอาญาได้ แต่ยังสามารถฟ้องร้องทางแพ่งเพื่อเรียกเงินคืนได้
ข้อคิดจากฎีกานี้ : ต้องดำเนินคดีอาญาให้ทันเวลา หากเลย 3 เดือน อาจเสียสิทธิในการดำเนินคดีอาญา
ข้อแนะนำในการใช้เช็คที่ถูกต้อง

- ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้สั่งจ่าย ก่อนรับเช็ค ควรตรวจสอบสถานะทางการเงินของผู้สั่งจ่าย
- หลีกเลี่ยงการออกเช็คโดยไม่มีเงินรองรับ เพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมาย
- หากได้รับเช็คเด้ง ควรดำเนินการทันที โดยสามารถเลือกแจ้งความภายใน 3 เดือน หรือดำเนินคดีแพ่ง
- เก็บหลักฐานให้ครบถ้วน เช่น เช็คที่ถูกปฏิเสธ ใบปฏิเสธจากธนาคาร และเอกสารที่เกี่ยวข้อง
เช็คเป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีความสำคัญในระบบเศรษฐกิจ แต่หากใช้อย่างไม่ถูกต้องอาจนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมาย ทั้งในทางแพ่งและอาญา การเข้าใจข้อกฎหมายและตัวอย่างฎีกาจะช่วยให้ผู้ใช้เช็คสามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง ลดความเสี่ยงในการถูกดำเนินคดี และปกป้องสิทธิของตนเอง
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับปัญหาทางกฎหมายเกี่ยวกับเช็ค ควรปรึกษาทนายความเพื่อดำเนินการตามกฎหมายได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที

