การข่มขู่จะเปิดเผยความลับของผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนตัว เรื่องส่วนตัว หรือข้อมูลที่อาจสร้างความเสียหาย ถือเป็นการกระทำที่อาจเข้าข่ายความผิดทางกฎหมาย ทั้งในทางอาญาและทางแพ่ง โดยเฉพาะหากมีเจตนาเพื่อเรียกร้องผลประโยชน์หรือบังคับให้บุคคลอื่นทำตามความต้องการของตนเอง
บทความนี้จะอธิบายถึงความหมายของการข่มขู่จะเปิดเผยความลับ ประกอบด้วยบทบัญญัติทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และฎีกาสำคัญที่ศาลฎีกาได้เคยวินิจฉัยไว้ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจถึงสิทธิของตนเองและแนวทางป้องกันหรือดำเนินคดีหากตกเป็นเหยื่อของการข่มขู่ลักษณะนี้
การข่มขู่จะเปิดเผยความลับคืออะไร?
การข่มขู่ในลักษณะนี้หมายถึง การที่บุคคลหนึ่งข่มขู่อีกฝ่ายว่าจะเปิดเผยข้อมูลหรือความลับบางอย่างที่อาจทำให้ผู้ถูกข่มขู่ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง หรือได้รับผลกระทบในทางลบ โดยการข่มขู่อาจทำด้วยวาจา ข้อความ หรือผ่านสื่อออนไลน์ หากผู้กระทำมีเจตนาเพื่อหวังผลประโยชน์หรือให้ผู้ถูกข่มขู่ทำตามคำสั่งของตนเอง กรณีนี้อาจเข้าข่ายความผิดทางอาญาได้
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการข่มขู่จะเปิดเผยความลับ

1. ความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337)
หากการข่มขู่มีเจตนาเพื่อให้บุคคลอื่นมอบทรัพย์สินหรือผลประโยชน์แก่ผู้ข่มขู่ กรณีนี้อาจเข้าข่ายความผิดฐาน “กรรโชกทรัพย์” ตามมาตรา 337 ซึ่งระบุว่า:
“ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขู่ หรือของบุคคลที่สาม ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกรรโชก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
หากเป็นการข่มขู่เพื่อเรียกร้องผลประโยชน์ที่ไม่ใช่ทรัพย์สิน เช่น การบังคับให้ทำสัญญาหรือดำเนินการบางอย่างที่ตนไม่เต็มใจ อาจเข้าข่าย “รีดเอาทรัพย์” ตามมาตรา 338 ซึ่งมีโทษหนักขึ้น
2. ความผิดฐานข่มขืนใจให้กระทำการหรือไม่กระทำการ (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309)
หากการข่มขู่ไม่ได้มีเจตนาเพื่อให้มอบทรัพย์สิน แต่ต้องการบังคับให้ผู้ถูกข่มขู่ทำหรือไม่ทำบางอย่าง กรณีนี้อาจเข้าข่ายความผิดฐาน “ข่มขืนใจ” ตามมาตรา 309 ที่บัญญัติว่า:
“ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของตนเองหรือของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
หากการข่มขู่มีการใช้กำลังประทุษร้ายหรือทำให้ผู้อื่นหวาดกลัวเป็นพิเศษ โทษอาจหนักขึ้นตามวรรคสองของมาตรานี้
3. ความผิดฐานหมิ่นประมาท (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328)
หากการข่มขู่มีการเปิดเผยความลับไปแล้ว และเป็นการใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม อาจเข้าข่ายความผิดฐาน “หมิ่นประมาท” ตามมาตรา 326 ที่กำหนดว่า:
“ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สามโดยประการที่น่าจะทำให้ผู้ถูกใส่ความเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
หากเป็นการหมิ่นประมาทผ่านสื่อออนไลน์ เช่น Facebook, Twitter หรือ TikTok โทษจะเพิ่มขึ้นตามมาตรา 328 ซึ่งกำหนดโทษจำคุกสูงสุดถึง สองปี และปรับสูงสุดหนึ่งแสนบาท
ฎีกาสำคัญที่เกี่ยวข้อง
ฎีกาที่ 3103/2563
จำเลยข่มขู่โจทก์ว่าจะนำภาพถ่ายส่วนตัวที่ไม่เหมาะสมของโจทก์ไปเผยแพร่ หากโจทก์ไม่ยอมให้เงินจำนวนหนึ่ง ศาลเห็นว่าจำเลยมีเจตนากรรโชกทรัพย์ โจทก์กลัวว่าจะเสียชื่อเสียงจึงจำใจมอบเงินให้ จำเลยมีความผิดตามมาตรา 337 ฐานกรรโชกทรัพย์
ฎีกาที่ 1785/2560
จำเลยข่มขู่โจทก์ว่าจะเปิดเผยข้อมูลทางธุรกิจของโจทก์ให้คู่แข่งทางการค้า หากโจทก์ไม่เซ็นสัญญาโอนหุ้นให้แก่จำเลย กรณีนี้เข้าข่ายความผิดฐานข่มขืนใจให้กระทำการตามมาตรา 309
ฎีกาที่ 4896/2558
จำเลยโพสต์ข้อความลงโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของโจทก์ที่อาจทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียง แม้จะเป็นความจริงแต่ศาลเห็นว่าเจตนาเพื่อให้โจทก์ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง จำเลยมีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาตามมาตรา 328
ฎีกาที่ 12685/2558
การที่จำเลยขู่เข็ญผู้เสียหายว่าหากผู้เสียหายไม่นำเงินจำนวน 20,000 บาท มาให้จำเลย จำเลยจะนำเรื่องความสัมพันธ์ฉันชู้สาวระหว่างจำเลยซึ่งมีครอบครัวแล้วกับผู้เสียหายไปเปิดเผยต่อบุคคลอื่น จึงเป็นการขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับของผู้เสียหาย ครบองค์ประกอบความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ตาม ป.อ. มาตรา 338
แนวทางการป้องกันและดำเนินคดี

หากตกเป็นเหยื่อของการข่มขู่จะเปิดเผยความลับ ควรปฏิบัติดังนี้
1.เก็บหลักฐาน – เช่น ข้อความแชท บันทึกเสียง หรือโพสต์ที่เกี่ยวข้อง
2.แจ้งความตำรวจ – หากเป็นการข่มขู่ที่เข้าข่ายความผิดอาญา ควรแจ้งความทันที
3.ปรึกษาทนายความ – เพื่อขอคำแนะนำทางกฎหมายและพิจารณาว่าสามารถดำเนินคดีได้ในข้อหาใด
ปกป้องสิทธิของตนเอง ปรึกษาทีมทนายความมืออาชีพ

การข่มขู่จะเปิดเผยความลับถือเป็นการกระทำที่อาจเข้าข่ายความผิดทางอาญาหลายข้อหา ไม่ว่าจะเป็นกรรโชกทรัพย์ ข่มขืนใจ หรือหมิ่นประมาท ขึ้นอยู่กับพฤติการณ์ของผู้กระทำ การเข้าใจหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องและแนวทางการดำเนินคดีเป็นสิ่งสำคัญ หากถูกข่มขู่หรือถูกละเมิดสิทธิ ควรรีบดำเนินการทางกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิของตนเอง
หากต้องการคำปรึกษาทางกฎหมายเพิ่มเติม สามารถติดต่อ สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ (翁萨功律师事务所) เพื่อขอคำปรึกษาจากทีมทนายความมืออาชีพ