หากใครที่ติดตามสำนักงานกฎหมายวงศกรณ์คงทราบกันดีอยู่แล้วถึงกลวิธีจอมเจ้าเล่ห์หัวแพทย์ของบริษัทประกันภัย ที่ดูเหมือนว่าจะพร้อมมาเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างผู้เอาประกันภัยตั้งแต่แรก จนต้องเดือดร้อนหาทนาย เพราะข้ออ้างในการปฏิเสธความรับผิดชอบของบริษัทประกันภัยนั้น เป็นเหตุให้ผู้เสียหายรีบโร่หาทนายในการดำเนินคดี เพราะทนพฤติกรรมการถูกบริษัทฯ เอาเปรียบไม่ไหว จึงต้องนำเรื่องหาทนายเรียกร้องความเป็นธรรมกับสิ่งที่ต้องเผชิญ และวันนี้ก็เช่นเคยแอดมินได้นำเรื่องราวหนึ่งของผู้เสียหายท่านหนึ่งเดือดร้อนจนต้องรีบหาทนายเพื่อปรึกษาดำเนินคดีความ โดยเป็นเรื่องที่ผู้เสียหายถูกบริษัทประกันภัยจอมเจ้าเล่ห์ใช้กลยุทธ์เด็ดอย่าง “นับผลแอลกอฮอล์ย้อนหลัง” อ้างว่า “เมาแล้วขับ”มาปฏิเสธการรับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อผู้เสียหาย เป็นเหตุให้เรื่องราวนี้จึงได้ถึงมือสำนักงานกฎหมายวงศกรณ์
ผู้เสียหายงง ? ทนายงง ? ทุกคนงง ? บริษัทประกันภัยยังไม่เลิกงัดมุก “นับผลแอลกอฮอล์ย้อนหลัง” มาเอาเปรียบ
เคสนี้ผู้เสียหายเห็นท่าไม่ดีจึงได้รีบหาทนาย…สำหรับเคสนี้เรียกได้ว่าทำเอาผู้เสียหายงง ? ทนายงง ? ทุกคนงง ? งงตาแตกกันเลยทีเดียว เมื่อผู้เสียหายเกิดอุบัติเหตุทำให้รถยนต์ได้รับความเสียหายหนัก แต่เมื่อได้เป่าวัดปริมาณแอลกอฮอล์ก็พบว่าเป่าวัดแอลกอฮอล์ได้เพียง 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งตามหลักของแพทยสภาฯ หากผู้เสียหายเป่าวัดได้ 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ บริษัทประกันภัยจะต้องรับผิดต่อผู้เสียหายทันที และไม่สามารถเอาหลักเกณฑ์การนับผลแอลกอฮอล์ย้อนหลังมาใช้ในการปฏิเสธได้ แต่บริษัทประกันก็ยังไม่ยอมรับความจริง จึงงัดมุก #เมาแล้วขับ #นับผลแอลกอฮอล์ย้อนหลัง บอกว่าผู้เสียหายมีปริมาณแอลกอฮอล์เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ มาปฏิเสธไม่รับผิดชอบใด ๆ ต่อผู้เสียหาย เพราะเหตุนี้เมื่อผู้เสียหายเห็นท่าไม่ดีจึงโร่หาทนายในการดำเนินคดีทันที เนื่องจากกลัวจะถูกบริษัทประกันภัยหัวแพทย์เอาเปรียบเหมือนอย่างเคสอื่น ๆ
นับผลแอลกอฮอล์ย้อนหลังมาปฏิเสธไม่พอ ชั้นคปภ.ขอต่อรองรับผิดเพียง 50% แบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอ ?
หลังจากที่ผู้เสียหายได้ติดต่อหาทนายให้ดำเนินคดี เรื่องราวสุดช็อกเกี่ยวกับบริษัทประกันภัยสุดแสบก็ตามมา หลังจากที่สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์ได้ดำเนินคดีให้ผู้เสียหาย ต่อมาก็ได้มีการเจรจาในชั้นคปภ. แต่เรื่องราวไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้น เมื่อบริษัทประกันภัยบอกจะรับผิดให้ผู้เสียหายเพียง 50% ของค่าเสียหายทั้งหมด ??? เจอแบบนี้ก็ถึงกับเหวอกันเลยทีเดียว เป็นเหตุให้อดคิดไม่ได้ว่าแบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอ ทั้งที่ตามหลักข้อเท็จจริงจากเงื่อนไขของกรรมธรรม์ฯ มีเพียง 2 ทาง ดังนี้
- บริษัทฯ ไม่จ่ายเลย
- บริษัทฯ จะต้องจ่ายเต็มจำนวนตามความเสียหายที่แท้จริง
ดังนั้น การที่บริษัทฯ มาบอกแบบนี้นั่นหมายความว่า บริษัทฯ ต้องรู้อยู่แล้วแต่แรกว่าบริษัทฯ มีหน้าที่ต้องรับผิดต่อผู้เสียหาย แต่กลับยกเอาเรื่องที่อ้างว่าผู้เสียหายมีปริมาณแอลกอฮอล์เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์มาต่อรองเพื่อเสนอจ่ายแค่ 50% ซึ่งในตามเงื่อนไขกรมธรรม์ฯ ไม่มีข้อใดกำหนดว่า เป่าแอลกอฮอล์ได้เท่าไหร่ จะต้องจ่ายกี่เปอร์เซ็นต์ เพราะในความเป็นจริงหากผู้เสียหายเมาแล้วขับอย่างที่บริษัทฯ ว่าจริง ๆ บริษัทฯ ก็ไม่ต้องจ่ายแม้แต่บาทเดียว แต่การที่บริษัทประกันภัยทำแบบนี้สามารถอนุมานได้ว่าตั้งใจเอาเปรียบประชาชนอย่างผู้บริโภคได้หรือไม่ ???
การที่บริษัทประกันภัยทำแบบนี้ต่อผู้บริโภคที่ไว้เนื้อเชื่อใจทำประกันภัยด้วย เรียกได้ว่าเป็นการตอบแทนผู้บริโภคที่ใจแคบเป็นอย่างมาก เพราะกว่าผู้บริโภคจะตัดสินใจทำประกันภัยกับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง ก็ต้องใช้ทั้งความคิดและความเชื่อใจเป็นอย่างมากว่าบริษัทประกันภัยที่เลือกทำประกันด้วย จะช่วยเหลือเมื่อยามลำบากและมีปัญหา แต่สุดท้ายเมื่อเกิดปัญหาก็พบว่า ได้ถูกบริษัทประกันภัยตอบแทนอย่างที่คาดไม่ถึง แล้วแบบนี้ผู้เสียหายจะเชื่อใจไว้ใจบริษัทใดในการทำประกันภัยรถยนต์ด้วยได้ หาทนายหลังเกิดปัญหาคือคำตอบที่ถูกต้องที่สุด
สำหรับผู้เสียหายท่านใดหากเจอบริษัทประกันภัยทำพฤติกรรมแบบนี้ ควรหาทนายไว้ดำเนินคดีตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุดีที่สุด เพราะเมื่อใดที่คุณได้ตกอยู่ในสถานะของการเป็นผู้เสียหาย คุณก็ไม่ควรที่จะต้องถูกบริษัทประกันภัยทำพฤติกรรมหัวหมอใส่มาเอาเปรียบ มีหลายเคสที่ถูกบริษัทประกันภัยใช้กลยุทธ์แบบนี้มาเอาเปรียบจนแทบไม่เหลืออะไร ดังนั้น อย่ายอมให้บริษัทประกันภัยเห็นว่าคุณไม่มีความรู้จึงคิดจะเอาเปรียบ หากเกิดอุบัติเหตุหาทนายไว้ปรึกษาดีที่สุด และสำนักงานกฎหมายที่พร้อมให้บริการด้านกฎหมายและการประกันภัยรถยนต์ที่พร้อมจะดูแลและให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมาต้องที่สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์โดยทนายอาร์มเท่านั้น ติดต่อหาทนายคลิก >>ติดต่อเรา<<