การมีประกันภัยที่ดีควรให้ความคุ้มครองครบถ้วนและตรงไปตรงมา แต่น่าเสียดายที่หลายครั้งผู้เสียหายที่ทำประกันกลับต้องเผชิญกับภาระเพิ่มจากการขาดประโยชน์จากการใช้รถระหว่างซ่อม โดยเฉพาะเมื่ออุบัติเหตุเกิดกับรถยนต์ไฟฟ้า ที่ทั้งค่าซ่อมแพงและใช้เวลานานหลายเดือน ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างไร และเราจะสามารถปกป้องสิทธิ์ของเราได้อย่างไร? มาทำความเข้าใจกันให้ชัดเจน
เคสตัวอย่าง : ขาดประโยชน์จากการใช้รถ แต่การจ่ายค่าชดเชยแตกต่างอย่างชัดเจน
ในกรณีนี้ ผู้เสียหายประสบอุบัติเหตุรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความเสียหายหนัก มีมูลค่าการซ่อมสูงถึงหลักแสนบาท ทำให้ต้องใช้เวลาซ่อมแซมนานกว่า 90 วัน เป็นระยะเวลาที่ผู้เสียหายต้องขาดประโยชน์จากการใช้รถยนต์ไป ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลให้เกิดความไม่สะดวกสบายเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตอย่างรุนแรง
สิ่งที่ทำให้ผู้เสียหายเสียความรู้สึกอย่างมากคือ การที่บริษัทประกันของตนเสนอค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถเพียง 500 บาทต่อวัน ขณะที่ประกันของคู่กรณีกลับเสนอค่าขาดประโยชน์ฯ ให้สูงถึง 1,000 บาทต่อวัน แม้ว่าทั้งสองบริษัทจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในรถยนต์คันเดียวกันในระยะเวลา 30 วันเท่ากัน แต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลับแตกต่างอย่างชัดเจน ทำให้เกิดความสงสัยว่าบริษัทประกันของผู้เสียหายกำลังเอาเปรียบลูกค้าของตนเองหรือไม่
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อรถยนต์เสียหายเพิ่มขึ้นหลังจากการซ่อมแซม ทำให้ต้องมีการซ่อมเพิ่มเติมอีก 30 วัน ทำให้ระยะเวลาขาดประโยชน์จากการใช้รถเพิ่มเป็น 90 วัน แต่กลับไม่มีความชัดเจนจากบริษัทประกันว่าจะชดเชยค่าขาดประโยชน์ฯ ในส่วนนี้อย่างไร
ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถคืออะไร?
สำหรับผู้ที่ยังไม่รู้ “ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ” คือ ค่าชดเชยที่ผู้ประกันภัยมีสิทธิ์เรียกร้องได้เมื่อไม่สามารถใช้รถยนต์ของตนได้เนื่องจากอุบัติเหตุ ซึ่งโดยทั่วไปจะมีค่าเฉลี่ยการจ่ายค่าขาดประโยชน์ที่ 500-1,000 บาทต่อวัน ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของบริษัทประกัน แต่ในความเป็นจริง จำนวนค่าขาดประโยชน์นี้สามารถเสนอให้มากกว่านี้ได้ ขึ้นอยู่กับประเภทของรถยนต์และมูลค่าความเสียหาย เช่น รถยนต์ไฟฟ้าที่มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมสูงและใช้เวลานาน ควรได้รับค่าขาดประโยชน์ที่เหมาะสมกับความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น
เมื่อรถเสียหายสามารถเรียกค่าขาดประโยชน์จากใครได้บ้าง?
หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถสามารถเรียกได้เฉพาะจากบริษัทประกันของคู่กรณีเท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริง ผู้เสียหายสามารถเรียกค่าขาดประโยชน์จากบริษัทประกันของตนเองได้ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การเรียกค่าชดเชยในกรณีนี้ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของกรมธรรม์และจำเป็นต้องมีทนายความผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยดูแลสิทธิ์ทางกฎหมาย เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเราจะได้รับค่าชดเชยอย่างเหมาะสม และไม่ถูกเอาเปรียบจากบริษัทประกันภัย การมีทนายเป็นตัวแทนเจรจาย่อมเพิ่มความได้เปรียบและลดโอกาสถูกบริษัทประกันกดขี่
เคล็ดลับในการรับมือกับบริษัทประกันภัยกรณีขาดประโยชน์จากการใช้รถ
หากคุณเคยพบเหตุการณ์ที่บริษัทประกันภัยพยายามลดค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ คุณสามารถรับมือได้ตามคำแนะนำดังนี้ :
1. ทบทวนเงื่อนไขกรมธรรม์ : ควรอ่านเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยอย่างละเอียด โดยเฉพาะเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับค่าขาดประโยชน์ฯ เพราะแต่ละกรมธรรม์อาจมีข้อกำหนดต่างกันไป
2. ตรวจสอบความคุ้มครองให้ชัดเจน : หากไม่แน่ใจว่าค่าขาดประโยชน์ที่ได้รับนั้นเป็นธรรม คุณควรปรึกษาทนายเพื่อพิจารณาว่าความคุ้มครองในกรมธรรม์ครอบคลุมค่าใช้จ่ายนี้หรือไม่ และมีสิทธิ์เรียกร้องเพิ่มได้หรือไม่
3. รวบรวมหลักฐานเพื่อพิสูจน์ค่าเสียหาย : หลักฐานสำคัญ เช่น เอกสารการประเมินมูลค่าความเสียหาย ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการหารถเช่าใช้ทดแทน และบันทึกเวลาการซ่อมที่ใช้จริง จะช่วยให้ทนายมีข้อมูลที่เพียงพอในการต่อรองค่าขาดประโยชน์กับบริษัทประกัน
4. ใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย : หากบริษัทประกันภัยไม่ยอมจ่ายค่าขาดประโยชน์ตามที่ควร การดำเนินคดีทางกฎหมายเป็นอีกทางเลือกที่ผู้เสียหายสามารถใช้ในการเรียกร้องสิทธิ์ของตนเอง
เมื่อประกันเอาเปรียบเรื่องค่าขาดประโยชน์ฯ ปรึกษาทนายคือทางออก
สำนักงานกฎหมายที่มีความเชี่ยวชาญในคดีประกันภัยจะสามารถช่วยประเมินสถานการณ์ พร้อมทั้งเจรจาให้คุณได้รับค่าชดเชยที่เป็นธรรม การที่มีทนายความเป็นผู้ดำเนินการเจรจากับบริษัทประกันไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณไม่ต้องเสียเวลา แต่ยังเพิ่มโอกาสในการได้รับค่าชดเชยที่เหมาะสม และป้องกันการถูกบริษัทประกันเอาเปรียบจากการเสนอค่าขาดประโยชน์ที่ต่ำกว่าความเป็นจริง
การขาดประโยชน์จากการใช้รถเป็นความเดือดร้อนที่ควรได้รับการชดเชยอย่างเหมาะสม การมีประกันภัยไม่ควรเป็นภาระที่เพิ่มขึ้น และบริษัทประกันควรจ่ายค่าชดเชยที่เหมาะสมตามความเสียหายที่เกิดขึ้น ดังนั้น เมื่อประสบปัญหานี้ คุณควรปรึกษาทนายความที่เข้าใจการเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถดีที่สุด เพื่อปกป้องสิทธิ์และรับประกันว่าคุณจะได้รับค่าชดเชยที่เหมาะสมกับความเสียหายที่แท้จริง