ปัจจุบัน การทำศัลยกรรมได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อเสริมความงามหรือแก้ไขความผิดปกติทางร่างกาย การทำศัลยกรรมที่ประสบความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่เพียงแค่ฝีมือของแพทย์ แต่ยังรวมถึงกระบวนการสื่อสาร การเตรียมความพร้อม และการปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด ซึ่ง หน้าที่ของหมอศัลยกรรม และการให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่คนไข้ เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงจากความผิดพลาดและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
หน้าที่ของหมอศัลยกรรม : จากการวางแผนจนถึงการดูแลหลังผ่าตัด

หมอศัลยกรรมไม่เพียงแค่เป็นผู้ทำการผ่าตัด แต่ยังมีบทบาทสำคัญในทุกขั้นตอนของกระบวนการศัลยกรรม ดังนี้
1.การให้คำปรึกษาและการประเมินสภาพร่างกาย
ก่อนการผ่าตัด แพทย์ต้องทำการประเมินสุขภาพของคนไข้อย่างละเอียด เช่น การตรวจสอบประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว หรือสภาวะสุขภาพอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อการผ่าตัด นอกจากนี้ยังต้องให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ เพื่อให้คนไข้มีความคาดหวังที่สมเหตุสมผล
2.การแจ้งข้อมูลและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
แพทย์มีหน้าที่แจ้งข้อมูลให้คนไข้ทราบถึงรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนการผ่าตัด รวมถึงความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เช่น การติดเชื้อ การเกิดรอยแผลเป็น หรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เพื่อให้คนไข้ได้ตัดสินใจอย่างมีข้อมูลครบถ้วน
3.การเตรียมความพร้อมก่อนการผ่าตัด
แพทย์ต้องให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวก่อนการผ่าตัด เช่น การงดอาหารและน้ำตามระยะเวลาที่กำหนด การหยุดยาบางชนิด หรือการเตรียมสภาพจิตใจของคนไข้
4.การดำเนินการผ่าตัดอย่างปลอดภัย
ในระหว่างการผ่าตัด แพทย์ต้องใช้ความระมัดระวังสูงสุดในการดำเนินการ เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาด เช่น การใช้เทคนิคที่เหมาะสม การควบคุมความสะอาดของเครื่องมือ และการเฝ้าติดตามอาการของคนไข้
5.การติดตามผลหลังการผ่าตัด
หลังการผ่าตัด แพทย์ต้องดูแลคนไข้และติดตามผลอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การอักเสบ การเกิดน้ำเหลือง หรือน้ำหนอง รวมถึงให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัด
เรื่องที่หมอศัลยกรรมควรแจ้งแก่คนไข้

เพื่อป้องกันความผิดพลาดหรือความไม่พึงพอใจที่อาจเกิดขึ้น แพทย์ควรแจ้งข้อมูลต่อไปนี้แก่คนไข้
1.ผลลัพธ์ที่คาดหวังได้
แพทย์ควรชี้แจงผลลัพธ์ที่เป็นไปได้อย่างตรงไปตรงมา เพื่อป้องกันความคาดหวังที่สูงเกินจริง
2.ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน
การแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น การติดเชื้อ การเกิดแผลเป็น หรือการฟื้นตัวช้ากว่าปกติ ช่วยให้คนไข้ตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
3.กระบวนการผ่าตัดและขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง
การอธิบายขั้นตอนต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการฟื้นฟู ช่วยสร้างความมั่นใจให้คนไข้
4.ข้อจำกัดของการศัลยกรรม
เช่น ไม่สามารถแก้ไขบางจุดได้ในครั้งเดียว หรืออาจต้องมีการปรับแก้เพิ่มเติมในอนาคต
5.ค่าใช้จ่ายและเงื่อนไขการรักษา
แพทย์ควรแจ้งค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมถึงกรณีที่อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในอนาคต
มุมมองของหมอเมื่อเกิดความผิดพลาดในการผ่าตัด

แม้แพทย์ทุกคนจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้การผ่าตัดประสบความสำเร็จ แต่บางครั้งความผิดพลาดก็อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ภาวะแทรกซ้อนจากสภาวะสุขภาพของคนไข้ หรือผลลัพธ์ที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง หากเกิดความผิดพลาด แพทย์ควรมีแนวทางการจัดการดังนี้
1.การยอมรับความผิดพลาด
แพทย์ควรยอมรับความผิดพลาดอย่างมีความรับผิดชอบ และให้ข้อมูลที่ชัดเจนแก่คนไข้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
2.การแก้ไขปัญหา
แพทย์ควรเสนอแนวทางการแก้ไขหรือรักษาเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงผลลัพธ์ เช่น การผ่าตัดแก้ไข หรือการดูแลสุขภาพเพิ่มเติม
3.การสื่อสารอย่างโปร่งใส
การสื่อสารอย่างเปิดเผยช่วยสร้างความไว้วางใจระหว่างแพทย์และคนไข้
4.การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
แพทย์ควรใช้ความผิดพลาดเป็นบทเรียนในการปรับปรุงทักษะและความรู้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำในอนาคต
เมื่อเกิดความผิดพลาดทำไมจึงควรปรึกษาทนายความ?

หากคนไข้ประสบปัญหาจากการผ่าตัดศัลยกรรม เช่น ผลลัพธ์ที่ไม่ตรงตามข้อตกลง ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง หรือความเสียหายที่เกิดจากความประมาทของแพทย์ การปรึกษาทนายความจะช่วยให้คนไข้ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องในการดำเนินการทางกฎหมาย
1.การประเมินความเสียหาย
ทนายความสามารถช่วยประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น และวางแผนการเรียกร้องค่าเสียหายอย่างเหมาะสม
2.การรวบรวมหลักฐาน
ทนายความช่วยรวบรวมหลักฐาน เช่น ประวัติการรักษา ภาพถ่าย หรือคำรับรองจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อใช้ในการดำเนินคดี3.การต่อรองหรือฟ้องร้อง
ทนายความสามารถช่วยเจรจากับแพทย์หรือคลินิกเพื่อหาข้อยุติ หรือหากจำเป็นต้องฟ้องร้อง ทนายจะดำเนินการอย่างเป็นระบบและถูกต้องตามกฎหมาย
การศัลยกรรมควรเป็นเรื่องที่สร้างความมั่นใจและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไข้ หากทั้งแพทย์และคนไข้ปฏิบัติตามหน้าที่และขั้นตอนอย่างรอบคอบ โอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดหรือปัญหาก็จะลดลง อย่างไรก็ตาม หากเกิดปัญหาขึ้น การปรึกษาทนายความตั้งแต่เริ่มต้นตั้งแต่เกิดปัญหาถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของตนเอง