ในปัจจุบันอัตราการเกิดอุบัติเหตุทางจราจรบนท้องถนนนั้นสูงมาก มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นทุกวัน ความเสียหายที่ตามมาขึ้นอยู่กับอุบัติเหตุนั้นรุนแรงแค่ไหน ดังนั้นการทำ ประกันภัย เอาไว้ ไม่ว่าจะรถเล็ก หรือรถใหญ่ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพราะประกันภัยนั้นนอกจากจะคุ้มครองการบาดเจ็บแล้ว ประกันภัยภาคสมัครใจยังให้ความคุ้มครองค่าความเสียหายทรัพย์สินของเราอีกด้วย ดังนั้นทำประกันภัยเอาไว้เป็นดีที่สุด วันนี้เลยจะมาอธิบายขั้นตอนการเคลมประกันภัยนั้นว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ก่อนอื่นเลยเราจะมาทำความเข้าใจว่าประกันภัยคืออะไร สำคัญอย่างไร และมีขั้นตอนการเคลมอย่างไรบ้าง ไปเริ่มกันเลยค่ะ
การเคลมประกันคืออะไร?
การเคลมประกัน คือ คำร้องขออย่างเป็นทางการที่คุณในฐานะผู้ถือกรมธรรม์ยื่นต่อผู้ให้บริการประกันภัยเพื่อขอค่าชดเชยสำหรับความสูญเสียหรือความเสียหายที่ครอบคลุมตามกรมธรรม์ของคุณ นอกจากนี้ยังมีความเสียหายต่อทรัพย์สินหรือการบาดเจ็บทางร่างกาย การเคลมประกันอาจรวมถึงการเคลมความรับผิด ซึ่งผู้เอาประกันภัยอาจต้องรับผิดชอบต่อการก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่น
ทำไมต้องเคลมประกัน?
การเคลมประกันมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้คุณได้รับการชดเชยทางการเงินจากบริษัทประกัน และคุ้มครองความสูญเสียทางการเงินของคุณหากเกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์ ความเสียหายต่อทรัพย์สิน ค่ารักษาพยาบาล หรือเหตุการณ์อื่น ๆ ที่ได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ ผู้รับประกันภัยของคุณควรให้ค่าชดเชยที่เหมาะสมและตามระยะเวลาสำหรับทุกค่าใช้จ่ายที่ประกันคุ้มครอง ทั้งค่าซ่อมแซมหรือค่าเสียหาย
ประกันภัยรถยนต์แบ่งออกเป็นประเภทหลัก ๆ ดังนี้
1. ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 (ประกันภัยชั้น 1)
ครอบคลุมความคุ้มครองที่หลากหลายที่สุด รวมถึงความเสียหายจากอุบัติเหตุที่เกิดกับรถยนต์ของตนเอง การชนกันกับรถยนต์คันอื่น การสูญหายหรือถูกขโมย และอุบัติเหตุทางธรรมชาติ นอกจากนี้ยังครอบคลุมความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบุคคลภายนอกทั้งชีวิตและทรัพย์สิน
2. ประกันภัยรถยนต์ประเภท 2 (ประกันภัยชั้น 2)
คุ้มครองความเสียหายที่เกิดกับบุคคลภายนอกทั้งชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงความเสียหายจากการถูกขโมย และไฟไหม้ แต่ไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดกับรถยนต์ของตนเองจากการชน
3. ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 (ประกันภัยชั้น 3)
ครอบคลุมเฉพาะความเสียหายที่เกิดกับบุคคลภายนอกทั้งชีวิตและทรัพย์สินเท่านั้น ไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดกับรถยนต์ของตนเอง
4. ประกันภัยรถยนต์ประเภท 2+ (ประกันภัยชั้น 2 บวก)
เป็นประกันภัยที่เพิ่มความคุ้มครองจากประกันภัยประเภท 2 โดยรวมถึงความเสียหายที่เกิดจากการชน แต่ไม่ครอบคลุมความเสียหายจากเหตุการณ์ที่เกิดจากการขโมยและไฟไหม้
5. ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3+ (ประกันภัยชั้น 3 บวก)
เป็นประกันภัยที่เพิ่มความคุ้มครองจากประกันภัยประเภท 3 โดยรวมถึงความเสียหายที่เกิดจากการชน แต่ไม่ครอบคลุมความเสียหายจากเหตุการณ์ที่เกิดจากการขโมยและไฟไหม้ นอกจากนี้ยังมีประกันภัยประเภทอื่น ๆ ที่เฉพาะเจาะจงเช่น ประกันภัยรถจักรยานยนต์ หรือประกันภัยเฉพาะกิจบางประเภท ที่ออกแบบมาเพื่อความต้องการเฉพาะเจาะจงของผู้ใช้
ขั้นตอนการเคลมประกันภัย
1. แจ้งเหตุ
ทันทีที่เกิดเหตุการณ์จะต้องเคลมประกันภัย ให้รีบทำการโทรแจ้งบริษัทประกันภัย โดยโทรศัพท์ไปยังหมายเลขติดต่อเคลมประกัน หรือแจ้งผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ของบริษัทประกันภัยนั้นๆ ที่เราได้ทำประกันภัยเอาไว้
2. เก็บรวบรวมข้อมูล
บันทึกข้อมูลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น วันที่ เวลา สถานที่ รวมถึงข้อมูลของผู้ที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี) เช่น ชื่อ เบอร์โทรศัพท์ ทะเบียนรถ (ในกรณีของประกันภัยรถยนต์) และถ่ายรูปหรือวีดีโอความเสียหายจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
3. กรอกแบบฟอร์มเคลม
กรอกแบบฟอร์มการเคลมประกันภัยที่บริษัทประกันภัยกำหนด แบบฟอร์มอาจมีการแนบเอกสารเพิ่มเติม เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนรถ (ในกรณีประกันภัยรถยนต์) และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
4. ส่งเอกสาร
ส่งแบบฟอร์มและเอกสารทั้งหมดไปยังบริษัทประกันภัย โดยสามารถส่งไปทางไปรษณีย์หรืออีเมลก็ได้ตามที่บริษัทประกันภัยกำหนด
5. ตรวจสอบและประเมินความเสียหาย
เมื่อเราได้ทำการแจ้งบริษัทประกันภัยแล้ว บริษัทประกันภัยจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้น และทำการประเมินมูลค่าความเสียหายยานพาหนะของผู้เอาประกัน
6. การพิจารณาการเคลม
บริษัทประกันภัยจะทำการพิจารณาว่าการเคลมครั้งนี้เป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์หรือไม่ หากเป็นไปตามเงื่อนไข บริษัทประกันภัยก็จะดำเนินการจ่ายค่าเสียหายในขั้นตอนไป
7. การจ่ายค่าชดเชย
หากการเคลมได้รับการอนุมัติ บริษัทประกันภัยจะทำการจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขที่ระบุในกรมธรรม์ประกันภัย แต่ทั้งนี้หากผู้เสียหายรู้สึกว่าค่าเสียหายที่บริษัทประกันภัยเสนอมาให้นั้นไม่เหมาะสม ผู้เสียหายสามารถดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติมได้
อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนในการยื่นเคลมประกันนั้น บริษัทประกันภัยแต่ละบริษัทอาจมีเงื่อนไขการใช้เอกสารที่แตกต่างกันตามแต่บริษัทประกันภัยนั้นๆ กำหนด หากอยากให้ครบถ้วนถูกต้องตามขั้นตอนแนะนำให้สอบถามจากบริษัทประกันภัยที่เราได้ทำประกันภัยเอาไว้ เพื่อความสะดวกและง่ายต่อการยื่นขอการเคลมประกันภัยค่ะ