ในยุคที่การทำประกันภัยรถยนต์กลายเป็นสิ่งที่จำเป็นและคาดหวังว่าจะช่วยบรรเทาความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุได้ หลายคนอาจไม่ทราบว่า บริษัทประกันภัยมีสิทธิในการปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมทดแทน โดยเฉพาะในกรณีที่ตรวจพบแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ขับขี่ ซึ่งปัจจัยสำคัญที่หลายคนมองข้ามไปคือ การนับผลแอลกอฮอล์ย้อนหลัง (Retroactive Alcohol Testing) ที่กลายเป็นเหตุผลสำคัญที่บริษัทประกันภัยใช้ในการปฏิเสธค่าสินไหม
บทความนี้จะเล่าถึงกรณีศึกษาเคสหนึ่งที่เกิดขึ้นจริง และเป็นอุทาหรณ์เตือนใจผู้ใช้รถใช้ถนน รวมถึงคำแนะนำสำคัญเกี่ยวกับการจัดการเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกบริษัทประกันภัยปฏิเสธความรับผิดชอบ
แอลกอฮอล์วัดช้าแต่ปฏิเสธไว ! นับผลแอลกอฮอล์ย้อนหลังปฏิเสธทันที

เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อมีอุบัติเหตุรถชนในช่วงกลางดึก เวลาประมาณ 02.01 น. โดยหลังจากที่เกิดเหตุ บริษัทประกันภัยได้ส่งตัวแทนลงพื้นที่ เวลาประมาณ 03.45 น. และในระหว่างกระบวนการตรวจสอบเหตุการณ์ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายของผู้ขับขี่ เวลาประมาณ 05.17 น. ซึ่งผลการตรวจวัดออกมาที่ 48 Mg.%
จากผลวัดแอลกอฮอล์ดังกล่าว แม้จะไม่ได้เกินระดับที่ผิดกฎหมายซึ่งกำหนดไว้ที่ 50 Mg.% แต่บริษัทประกันภัยได้ใช้กลยุทธ์ในการ นับผลแอลกอฮอล์ย้อนหลัง และอ้างว่า ณ ช่วงเวลาที่เกิดเหตุ (02.01 น.) ระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายของผู้ขับขี่อาจจะเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ทำให้บริษัทประกันภัย ปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมทดแทน
ผู้เสียหายตัดสินใจนำเรื่องร้องเรียนไปที่ คปภ. แต่ก็ไม่เป็นผลอยู่ดี

หลังจากที่ถูกปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหม ผู้เสียหายจึงตัดสินใจนำเรื่องไปร้องเรียนต่อ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) โดยหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือและความยุติธรรมในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย
อย่างไรก็ตาม คปภ.ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวและมีมติยืนตามคำตัดสินของบริษัทประกันภัย โดยเห็นพ้องว่าบริษัทประกันภัยมีสิทธิที่จะนับผลแอลกอฮอล์ย้อนหลัง และใช้เป็นเหตุในการปฏิเสธค่าสินไหมได้ เนื่องจากถือว่า ผู้ขับขี่มีแอลกอฮอล์ในร่างกาย ณ ช่วงเวลาที่เกิดเหตุ
นับผลแอลกอฮอล์ย้อนหลัง บริษัทประกันภัยทำได้หรือไม่?
การนับผลแอลกอฮอล์ย้อนหลังเป็นวิธีที่บริษัทประกันภัยใช้ในการคำนวณระดับแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ขับขี่ ย้อนหลังไปยังช่วงเวลาที่เกิดเหตุ โดยใช้สูตรคำนวณที่พิจารณาจากอัตราการเผาผลาญแอลกอฮอล์ในร่างกาย ซึ่งเป็นวิธีการที่ได้รับการยอมรับทางกฎหมายและทางการแพทย์
อัตราการเผาผลาญแอลกอฮอล์
โดยทั่วไปนั้นร่างกายมนุษย์จะเผาผลาญแอลกอฮอล์ในอัตราเฉลี่ยประมาณ 15-20 Mg.% ต่อชั่วโมง ดังนั้น หากตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ที่ 48 Mg.% ในเวลาประมาณ 05.17 น. บริษัทประกันภัยสามารถนับย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ (02.01 น.) และคาดการณ์ว่า ณ เวลานั้น ระดับแอลกอฮอล์อาจเกิน 50 Mg.% ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
ระวังอย่าไปร้องคปภ.ก่อนมาปรึกษาทนายความ
ในเคสนี้ ผู้เสียหายตัดสินใจไปร้องเรียนที่ คปภ. ก่อนที่จะปรึกษาทนายความ ซึ่งถือเป็น ความผิดพลาดสำคัญ เนื่องจากการยื่นเรื่องต่อ คปภ. โดยไม่มีคำแนะนำจากทนายความ อาจทำให้เสียโอกาสในการต่อสู้ทางกฎหมายอย่างเต็มที่
ในหลายกรณีที่เกิดปัญหาการปฏิเสธค่าสินไหมจากบริษัทประกันภัย การมีทนายความเข้ามาให้คำปรึษาทันทีหลังเกิดอุบัติเหตุ จะช่วยให้ผู้เสียหายได้รับการคุ้มครองสิทธิและประโยชน์อย่างเต็มที่ เพราะทนายความสามารถให้คำแนะนำที่ถูกต้อง และดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายเพื่อเจรจาและต่อสู้กับบริษัทประกันภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า
อย่าลืม ! ประกันภัยมีทนายตั้งแต่ยังไม่เกิดเหตุ แล้วคุณมีทนายหรือยัง?

จากเหตุการณ์นี้ เป็นอุทาหรณ์สำคัญที่ควรเตือนใจผู้ขับขี่ทุกคนว่า หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น สิ่งสำคัญที่ควรทำคือ การปรึกษาทนายความทันที เพราะทนายความจะสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนการเรียกร้องค่าสินไหม และวิธีป้องกันไม่ให้ถูกปฏิเสธความคุ้มครองจากบริษัทประกันภัย
สิ่งที่ควรทำหลังเกิดอุบัติเหตุ
1. โทรแจ้งบริษัทประกันภัยและตำรวจทันที
2. อย่าดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลังเกิดเหตุ เพื่อป้องกันปัญหาการตรวจวัดแอลกอฮอล์
3. ปรึกษาทนายความทันทีหลังเกิดเหตุ เพื่อให้ได้คำแนะนำที่ถูกต้องและปกป้องสิทธิของคุณ
4. อย่าร้องเรียนไปที่ คปภ. โดยไม่มีทนายความ เพราะอาจทำให้เสียโอกาสในการต่อสู้ทางกฎหมาย
ป้องกันไม่ให้ถูกปฏิเสธค่าสินไหมฯ ด้วยการมีทนายความ
เคสนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า บริษัทประกันภัยมีสิทธิในการปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหม หากตรวจพบแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ขับขี่ ณ ช่วงเวลาที่เกิดเหตุ ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เสียสิทธิของตัวเอง ผู้ขับขี่ควรมีทนายความที่คอยให้คำปรึกษาและช่วยเหลือในทุกขั้นตอนหลังเกิดอุบัติเหตุ
“สำนักงานกฎหมายวงศกรณ์” พร้อมให้บริการทางกฎหมายในกรณีที่ถูกปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมจากบริษัทประกันภัย เราเข้าใจถึงความซับซ้อนของกฎหมายประกันภัยและพร้อมเป็นที่ปรึกษาให้กับผู้เสียหายทุกคน เพื่อให้ได้รับความยุติธรรมและสิทธิประโยชน์ที่ควรได้รับ
อย่าปล่อยให้บริษัทประกันภัยเอาเปรียบคุณ ติดต่อเราทันทีหลังเกิดเหตุ!